4 Seasons in Japan : เรียนรู้วัฒนธรรม ท่องเที่ยวตามฤดูกาล

ท่องเที่ยวต่างประเทศ [25]

4 Seasons in Japan

เรียนรู้วัฒนธรรม ท่องเที่ยวตามฤดูกาล 

เห็นชื่อเรื่อง หลาย ๆ คนอาจจะนึกถึงสีทาบ้านยี่ห้อนึงใช่ไหมล่าาา แต่เราไม่ได้จะมาพูดถึงเรื่องของสีทาบ้านนะคะ แต่เราจะมาพูดกันถึงเทศกาลในประเทศ ญี่ปุ่น (Japan) ที่จัดขึ้นในแต่ละฤดูกาลว่ามีเทศกาลไหนที่น่าสนใจบ้าง นอกจากเราจะได้ไปเที่ยวแล้ว เรายังได้ซึมซับวัฒนธรรมและได้สัมผัสวิถีชีวิตของชาวญี่ปุ่นแบบใกล้ชิดอีกด้วย

อย่างที่เราทราบกันดีว่าประเทศญี่ปุ่น ประกอบไปด้วย 4 ฤดูกาล นั่นก็คือ ฤดูใบไม้ผลิ ฤดูร้อน ฤดูใบไม้ร่วง และ ฤดูหนาว โดยในแต่ละฤดูกาลจะมีความสวยงามและเทศกาลที่แตกต่างกันไป เราอาจจะเคยได้ยินคำพูดที่ว่า “ไปเที่ยวญี่ปุ่นช่วงนี้แพงนะ เพราะดอกซากุระกำลังบานเลย” นั่นก็เป็นเพราะว่าช่วงที่มีเทศกาลนั้นผู้คนจะหลั่งไหลมาเพื่อออกไปท่องเที่ยวเพื่อชมความสวยงามและจัดกิจกรรมร่วมกันนั่นเอง 

งานเทศกาลต่าง ๆ ถือเป็นโอกาสที่ทำให้ผู้คนจากทุกหนแห่งได้มาพบปะกัน ไม่ว่าจะเป็นผู้คนในท้องถิ่นหรือชาวต่างชาติ (บางครั้งเวลาที่เราไปเที่ยวญี่ปุ่นอาจจะเคยเจอโมเมนต์ที่ว่า เหมือนเราอยู่เมืองไทย เพราะหันไปทางไหนก็เจอแต่คนไทยเต็มไปหมด 😆) ซึ่งเทศกาลต่าง ๆ ที่จัดขึ้นนั้นเป็นการเผยให้เห็นถึงความเป็นมาและวิถีชีวิตของชาวญี่ปุ่น ซึ่งต้นกำเนิดของงานเทศกาลจะมีที่มาที่เกี่ยวข้องกับเรื่องราวก่อนประวัติศาสตร์ที่ชาวญี่ปุ่นให้ความสำคัญและยึดถือกันมาอย่างยาวนาน เช่น งานฉลองปีใหม่ในฤดูหนาว การชมดอกไม้ในฤดูใบไม้ผลิและฤดูใบไม้ร่วง เป็นต้น และยังเป็นการเพิ่มสีสัน ความสนุกสนาน และความมีชีวิตชีวาให้กับประชาชนอีกด้วย

เคยไหมตอนที่ดูหนังหรือการ์ตูนญี่ปุ่นแล้วมีความรู้สึกว่า

“อยากไปเที่ยวที่นั่นจัง” 
“อยากกินขนมแบบนั้นอ่ะ ต้องไปซื้อที่ไหนเนี่ย”

ทุก ๆ คนน่าจะเคยมีความรู้สึกแบบนี้กันมาบ้างแน่นอน และสำหรับใครที่อยากเรียนรู้และสัมผัสประวัติศาสตร์ของญี่ปุ่นให้ลึกซึ้ง แนะนำว่าให้ไปเที่ยวในช่วงที่มีเทศกาลในแต่ละท้องที่ เพราะเราอาจจะมีโอกาสได้สัมผัสวัฒนธรรมของญี่ปุ่นอย่างใกล้ชิด

และเราก็ได้ทำการหาข้อมูลและรวบรวมเทศกาลต่าง ๆ ในแต่ละฤดูของประเทศญี่ปุ่นมาฝากกัน และนี่คือรายชื่อของเทศกาลต่าง ๆ ที่น่าสนใจ มีอะไรบ้างไปดูกันเลยยยย

มาเริ่มกันที่…

ฤดูใบไม้ผลิ (มีนาคมพฤษภาคม)

ฤดูใบไม้ผลิเป็นฤดูที่เต็มไปด้วยความสดใสและความมีชีวิตชีวา ถ้าพูดถึงฤดูนี้หลาย ๆ คนคงจะนึกถึงดอกไม้สีชมพูที่บานสะพรั่งไปทั่วตามบริเวณต่าง ๆ นั่นคือ ดอกซากุระ นอกจากนั้นยังมี ดอกอะซะเลีย ซึ่งออกดอกบานสีแดงสดใส ถือเป็นอีกหนึ่งตัวแทนของดอกไม้ในฤดูใบไม้ผลิของญี่ปุ่น ที่ญี่ปุ่นฤดูใบไม้ผลิถือเป็นช่วงที่หลาย ๆ อย่างสิ้นสุดและเริ่มต้นใหม่อีกด้วย

 

4 Seasons in Japan

เทศกาลในฤดูใบไม้ผลิ

  • เดือนมีนาคม
  1. เทศกาลชมดอกซากุระ ผู้คนจำนวนมากมาที่สวนซึ่งมีต้นซากุระเพื่อสนุกสนานกับ โอฮานิมิ (O-hanami) หรือเทศกาลการชมดอกไม้บาน สำหรับสถานที่ที่เหมาะกับการไปชมดอกซากุระ จิ้มที่ลิงค์นี้เลย http://www.nontdesign.com/sakura-japan/
  2. เทศกาลฮินะมัตสุริ (Hina Matsuri) เทศกาลวันเด็กผู้หญิง จัดขึ้นทุกวันที่ 3 มีนาคมของทุกปี เพื่อภาวนาขอความสุขในอนาคตของเด็กผู้หญิง ตุ๊กตาฮินะ (Hina Ningyo) เป็นตัวแทนของสมาชิกราชวงศ์อิมพีเรียล ซึ่งมีการตกแต่งตุ๊กตาโดยแต่งกายแบบในพระราชสำนักและวางไว้บนหิ้งเป็นชั้น ๆ ในบ้านที่ยังมีลูกสาวตัวเล็ก ๆ อยู่
  3. เทศกาลคะซูกะ (Kasuga Matsuri) เป็นเทศกาลของ ศาลเจ้าคะซูกะ (Kasuga-taisha) ในเมือง นารา (Nara) มีการฟ้อนรำโบราณที่มีอายุเก่าแก่กว่า 1,000 ปี
  • เดือนเมษายน
  1. ระบำมิยะโกะ หรือระบำซากุระที่เมือง เกียวโต (Kyoto) เป็นระบำญี่ปุ่นที่แสดงโดยนักฟ้อนรำที่เรียกว่า ไมโกะ (Maiko)
  2. เทศกาลทะคะยะมะ (Takayama Matsuri) เป็นเทศกาลของ ศาลเจ้าฮิเอะ (Hie Shrine) ในเมือง ทะคะยะมะ (Takayama) ชมชบวนรถแห่ศาลเจ้าอันตระการตา
  3. เทศกาลยะโยอิ (Yayoi Matsuri) ที่ ศาลเจ้าฟุตะระซัน (Futarasan Jinja) ในเมือง นิกโก (Nikko) ชมขบวนแห่ตกแต่งสวยงาม
  • เดือนพฤษภาคม
  1. เทศกาลฮะคะตะ โดนทะคุ (Hakata Dontaku) ที่เมือง ฟุกุโอกะ (Fukuoka) มีขบวนแห่เทพเจ้าบนหลังม้าตามตำนานญี่ปุ่น
  2. เทศกาลแข่งว่าว (Hamamatsu Matsuri) ที่เมือง ฮะนะมัตสึ (Hamamatsu) เป็นสนามแข่งว่าวที่มีการแข่งขันว่าวขนาดใหญ่ที่สุด
  3. เทศกาลวันเด็กผู้ชาย (Kodomo No Hi) มีการประดับธงปลาคาร์พหลายสีตามจำนวนของลูกชายแต่ละบ้าน จัดขึ้นในวันที่ 5 พฤษภาคมของทุกปี
  4. เทศกาลอะโออิ (Aoi Matsuri) ที่เมือง เกียวโต (Kyoto) มีขบวนแห่บุคคลสำคัญในประวัติศาสตร์ พร้อมขบวนรถที่มีดอกไม้หลากหลายสี
  5. เทศกาลใหญ่ของศาลเจ้า Toshogu ที่เมือง นิกโก (Nikko) มีขบวนแห่นักรบกว่า 1,000 คน
  6. เทศกาล Sanja จัดขึ้นที่ วัดอาซากุสะ (Asakusa Temple) ในเมือง โตเกียว (Tokyo) มีการแห่ศาลเจ้าใหญ่ ๆ 3 ศาลเจ้าและศาลเจ้าย่อย ๆ อีกกว่าร้อยศาลเจ้า

 

ฤดูร้อน (มิถุนายนสิงหาคม)

ฤดูนี้ทิวทัศน์ของประเทศญี่ปุ่นจะปกคลุมไปด้วยความเขียวขจีทั่วประเทศ ทำให้ผู้คนส่วนใหญ่นิยมไปเที่ยวตามเนินเขาและทุ่งต่าง ๆ ซึ่งฤดูนี้เป็นฤดูที่นิยมจัดเทศกาลท้องถิ่น ซึ่งถือว่าเป็นเอกลักษณ์ของฤดูร้อน และความพิเศษของฤดูนี้คือ การชมดอกไม้ไฟบนท้องฟ้าในยามค่ำคืน

เทศกาลในฤดูร้อน

  • เดือนมิถุนายน
  1. เทศกาลซังโนะมัตสุริ (Sanno Matsuri) เป็น 1 ใน 3 เทศกาลที่มีชื่อเสียงที่สุดของกรุงโตเกียว เทศกาลนี้จัดขึ้นที่ ศาลเจ้าฮิเอะ (Hie Shrine) มีการแห่ศาลเจ้าผ่านถนนในย่าน อาซากุสะ (Asakusa)
  2. เทศกาลม้า หรือ ชะงุชะงุ อุมะโก (Chagu-Chagu Umakko)ในเมือง โมริโอกะ (Morioka) มีขบวนแห่ม้าที่ประดับตกแต่งด้วยสีสันสวยงาม
  • เดือนกรกฎาคม
  1. เทศกาลดวงดาวแบบโบราณ หรือ เทศกาลทานาบาตะ (Tanabata) จัดขึ้นปีละครั้งที่วัดและศาลเจ้าต่าง ๆ ทั่วญี่ปุ่น แต่ที่เมือง เซนได (Sendai) จะยิ่งใหญ่ที่สุด มีการประดับโคมกระดาษหลากสีสวยงาม ผู้คนจะเขียนความปรารถนาลงบนแผ่นกระดาษและอธิษฐาน จากนั้นนำไปแขวนตามกิ่งไผ่
  2. เทศกาลบงโอโดริ (Bon Dori) เป็นงานเทศกาลที่สำคัญมากของประเทศญี่ปุ่น ผู้คนจะมาเต้นรำตามจังหวะดนตรีดั้งเดิม ทุกคนสามารถร่วมวงเต้นรำได้อย่างอิสระ รวมไปถึงนักท่องเที่ยวอย่างเรา ๆ ในเรื่องของเครื่องแต่งกาย เทศกาลนี้ไม่ได้มีเครื่องแต่งกายที่เฉพาะ แต่ผู้คนส่วนใหญ่จะสวมชุดยูกาตะ
  3. งานเทศกาลยามากาซะ ฮากาตะ กิออน (Hakata Gion Yamakasa Festival)  ที่เมือง ฟุกุโอกะ (Fukuoka) โดยเทศกาลนี้จะมีผู้คนหลั่งไหลกันมาชมงานเทศกาลนี้หลายหมื่นคน โดยในการแข่งขันจะมี 7 ทีมจากเขตข้าง ๆ มาแข่งกันลากแท่นขนาดใหญ่ที่ตกแต่งอย่างสวยงามเป็นระยะทาง 5 กิโลเมตรไปรอบ ๆ เมือง
  4. เทศกาลกิออนมัตสุริ (Gion Matsuri) เป็นเทศกาลที่ย้อนยุคกลับไปศตวรรษที่ 9 ที่ใหญ่ที่สุดใน เกียวโต (Kyoto) มีขบวนแห่ชุดแต่งกายโบราณผ่านถนนสายหลักหลายสาย
  5. เทศกาลเท็นจิน (Tenjin Matsuri) เป็นเทศกาลที่ยิ่งใหญ่ติดอันดับ 1 ใน 3 ของเทศกาลที่ประเทศญี่ปุ่น นอกจากนั้นยังเป็นเทศกาลเรือที่ยิ่งใหญ่ที่สุดอีกด้วย จัดโดย ศาลเจ้าเท็นมังกู (Tenmangu-Shrine) ใน โอซาก้า (Osaka)
  • เดือนสิงหาคม
  1. เทศกาลเนบุตะ (Nebuta Matsuri) เทศกาลฤดูร้อนประจำจังหวัด อาโอโมริ (Aomori) ที่จะทุกวันที่ 2-7 สิงหาคมของทุกปี เทศกาลนี้เป็นการแห่โคมไฟขนาดมหึมา ที่รายล้อมไปด้วยนักดนตรีและนักเต้น
  2. เทศกาลยามางาตะฮานะกาสะ (Yamagata Hanagasa Festival) ในเมือง ยามางาตะ (Yamakata) มีขบวนฟ้อนรำของชาวเมืองจำนวน 10,000 คน ทุกคนสวมชุดหมวกฟางติดดอกไม้เทียม ซึ่งเป็นชุดประจำเทศกาล
  3. เทศกาลเต้นรำอาวะโอโดริ (Awa Odori) ที่เมือง โทคุชิมะ (Tokushima) มีการร้องรำทั้งกลางวันและกลางคืน
  4. งานไดมอนจิ บอนไฟ (Daimonji Bonfire) เทศกาลส่งดวงวิญญาณผู้ล่วงลับแล้วโดยการเผาไฟบนเนินเขาที่เห็นได้จากเมือง เกียวโต (Kyoto)

 

4 Seasons in Japan

 

ฤดูใบไม้ร่วง (กันยายนพฤศจิกายน)

ฤดูนี้เป็นฤดูที่มีอากาศเย็นสบาย ใบไม้ต่าง ๆ เริ่มเปลี่ยนสีเป็นสีแดงเหลืองส้ม ฤดูกาลนี้เหมาะสำหรับการออกไปเที่ยวและทำกิจกรรมกลางแจ้ง เช่น การอาบน้ำพุร้อนพร้อมกับการชมวิวทิวทัศน์ของใบไม้เปลี่ยนสีไปด้วย ธัญพืชต่าง ๆ ที่เริ่มปลูกใบฤดูใบไม้ผลิจะถูกเก็บเกี่ยวในฤดูกาลนี้ และหนึ่งในสัญลักษณ์ของฤดูใบไม้ร่วงนี้ก็คือ งานเทศกาลดอกเบญจมาศ

เทศกาลในฤดูใบไม้ร่วง

  • เดือนกันยายน
  1. งานเทศกาลยาบุซะเมะ (Yabusame) ที่ ศาลเจ้าทซึรุงะโอะกะ ฮะจิมังกู (Tsurugaoka Hachimangu) ในเมือง คามาคุระ (Kamakura) เทศกาลนี้สร้างขึ้นบนความเชื่อที่ว่าเป็นการสร้างความรื่นเริงให้กับเทพเจ้าที่ปกปักษ์รักษาเมืองคามาคุระให้เจริญรุ่งเรืองนั่นเอง
  • เดือนตุลาคม
  1. งานเทศกาลคันชิของเมืองนางาซากิ (Nagasaki Kunchi Festival) จัดขึ้นวันที่ 7 – 9 ตุลาคม เป็นงานเทศกาลของ ศาลเจ้าซุวะ (Suwa Shrine) ภายในงานมีระบำมังกรจีนแบบดั้งเดิม
  2. เทศกาลทาคายามา มัตสุริ (Takayama Matsuri) จัดขึ้นวันที่ 9 – 10 ตุลาคม เป็นเทศกาลประจำปีของ ศาลเจ้าฮาจิมัง (Hachiman Shrine) ภายในงานมีขบวนรถสีสันต่าง ๆ มากมาย
  3. เทศกาลนาโกยา (Nagoya) มีขบวนพาเหรดซามูไรตามถนนในเมือง
  4. เทศกาลดอกเบญจมาศ ที่ ศาลเจ้าเมจิ (Meiji Shrine) และ วัดอาซากุสะ (Asakusa Temple) ในเมือง โตเกียว (Tokyo)
  5. เทศกาลฤดูใบไม้ร่วง จัดขึ้นที่ ศาลเจ้านิกโก โทโชงู (Nikko Toshogu) ที่เมือง นิกโก (Nikko) มีขบวนพาเหรดของนักรบโบราณในชุดเสื้อเกราะ
  6. เทศกาลจิได มัสสึริ (Jidai Matsuri) เป็นเทศกาลย้อนยุคของ ศาลเจ้าเฮอัน (Heian) ถือเป็น 1 ใน 3 เทศกาลใหญ่ของ เกียวโต (Kyoto) เลยทีเดียว
  7. ประเพณีการเล่นไฟ Kuruma จัดขึ้นทุกวันที่ 22 ตุลาคม เป็นที่รู้จักกันดีว่าเป็น 1 ใน 3 เทศกาลของเมือง เกียวโต (Kyoto) ผู้ชายจะมาพร้อมกับคบเพลิง 500 อัน โดยจะเดินแบกเกี้ยวและใส่เพียงผ้าเตี่ยวสีขาว ส่วนโคมไฟจะนำมารวมกันจุดให้เป็นไฟดวงใหญ่เป็นกลุ่มควันร้อนลอยไปในอากาศ
  • เดือนพฤศจิกายน
  1. เทศกาลคะระสึ กุนจิ (Karatsu Kunchi) จัดขึ้นที่เมือง ซากะ (Saga) ระหว่างวันที่ 2 – 4 พฤศจิกายนของทุกปี โดยมี ศาลเจ้าคาราซึ (Karatsu Shrine) ที่เป็นศาลเจ้าใหญ่ประจำเมืองซากะเป็นเจ้าภาพ
  2. เทศกาลฮะโกะเนะ ไดเมียว เกียวเรสึ (Hakone Daimyo Gyoretsu) จัดขึ้นในวันที่ 3 พฤศจิกายนของทุกปี เทศกาลนี้จะมีขบวนพาเหรดเป็นระยะทางยาวประมาณ 6 กิโลเมตร มีผู้ร่วมขบวนกว่า 170 คน โดยจะแต่งตัวย้อนยุคไปในสมัยของเอโดะ
  3. เทศกาลชิจิโงซัง (Shichi Go San) เทศกาล 7-5-3 จัดขึ้นในวันที่ 15 พฤศจิกายนของทุกปี เพื่อฉลองการเติบโตของเด็ก ๆ โดยเด็กผู้ชายที่อายุ 3 และ 5 ขวบ (ส่วนเด็กผู้หญิงอายุ 3 และ 7 ขวบ) จะถูกพ่อแม่พามาเข้าร่วมเทศกาลนี้
  4. งานโทริโนะอิจิ  (Torinoichi) เป็นการขอบคุณที่ปกป้องคุ้มครองให้ปลอดภัยตลอดปีที่ผ่านมา และขอพรให้โชคดีในปีที่กำลังจะมาถึง ผู้คนจะนิยมซื้อคุมาเดะ (คราดไม้ไผ่) ซึ่งเป็นเครื่องรางที่ส่งผลให้ธุรกิจมีความเจริญรุ่งเรือง

4 Seasons in Japan

 

ฤดูหนาว (ธันวาคมกุมภาพันธ์)

ในฤดูนี้จะมีการตกแต่งและประดับไฟตามสถานที่ต่าง ๆ อย่างสวยงาม เป็นช่วงที่บ้านเมืองเต็มไปด้วยชีวิตชีวาและมีสีสันมากที่สุดในรอบปี โดยเฉพาะในช่วงวันคริสมาสต์ วันสิ้นปี และวันขึ้นปีใหม่ เทศกาลต่าง ๆ ที่จัดขึ้นในฤดูนี้มักจะเกี่ยวข้องกับหิมะและน้ำแข็ง นักท่องเที่ยวจะได้เพลิดเพลินกับหิมะและรูปแกะสลัก และที่ขาดไม่ได้คือเทศกาลปีใหม่ ซึ่งถือว่าเป็นวันสำคัญที่สุดสำหรับชาวญี่ปุ่นเลยทีเดียว

เทศกาลในฤดูหนาว

  • เดือนธันวาคม
  1. เทศกาลคาสุกะ วากามิยะ (Kasuga Wakamiya On-Matsuri) จัดขึ้นที่ ศาลเจ้าคาสุกะ (Kasuga Shrine) จังหวัด นารา (Nara) เพื่อเป็นการสักการะบูชาเทพเจ้าวากามิยะที่ให้ผลผลิตทางการเกษตรอุดมสมบูรณ์ และไฮไลท์ของงานคือขบวนแห่เทพเจ้า ผู้ร่วมขบวนจะสวมใส่เครื่องแต่งกายแบบญี่ปุ่นดั้งเดิมของแต่ละยุคสมัย ตั้งแต่ยุคเฮอันไปจนถึงปลายยุคเอโดะ รวมทั้งยังจะมีการแสดงศิลปะอื่นๆอีกมากมายจนถึงเวลาเกือบเที่ยงคืน
  2. งานฮะโงอิตะ (Hagoita-Ichi) เป็นงานประจำปีที่มีชื่อเสียงของ วัดอาซากุสะ (Asakusa Temple) ซึ่งจัดในช่วงใกล้สิ้นปี ร้านขายของจะมารวมตัวกันที่นี่เพื่อขายฮะโงอิตะ (ไม้พายที่ทำจากไม้)
  3. การไหว้พระที่วัดและศาลเจ้าในวันขึ้นปีใหม่ วัดและศาลเจ้าทุกแห่งจะมีผู้คนไปไหว้ขอพรให้ปลอดภัยและมีความสุข รวมทั้งขอบคุณสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่คุ้มครองให้ปลอดภัยในปีที่ผ่านมากันอย่างเนืองแน่น
  • เดือนมกราคม
  1. วันขึ้นปีใหม่ (New Year’s Day) เทศกาลนี้มีจนถึงวันที่ 3 มกราคม ร้านค้า โรงงาน ธุรกิจต่างๆ จะไม่เปิดให้บริหาร ครอบครัวต่างฉลองด้วยอาหารมื้อพิเศษ พร้อมแต่งชุดกิโมโนและพากันไปวัดหรือศาลเจ้า เพื่อไหว้พระขอพรให้สุขภาพดี และมีความสุขตลอดปี
  2. ฮัตสึอุริ และ ฟุคุบุคุโระ, ถุงโชคดีในวันปีใหม่ หนึ่งเทศกาลที่ผู้คนเฝ้ารอมากที่สุดในช่วงปีใหม่ ในวันนี้ห้างสรรพสินค้าต่างๆ จะจัดลดราคาสำหรับปีใหม่โดยมีส่วนลดต่าง ๆ มากมาย ห้างสรรพสินค้าบางแห่งจัดฮัตสึ-อุริในวันที่ 1 2 หรือ 3 มกราคม
  3. วันทำพิธีดับเพลิง (Dezomeshiki) ชมขบวนสาธิตการดับเพลิงใน โตเกียว (Tokyo) โดยมีตัวแทนพนักงานดับเพลิงแสดงโลดโผนบนยอดบันไดช่วยหนีไฟ
  • เดือนกุมภาพันธ์
  1. เทศกาลหิมะซัปโปโร (Sapporo Snow Festival) งานนี้จัดขึ้นที่สวน โอโดริ (Odori) เมือง ฮอกไกโด (Hokkaido) เทศกาลนี้เป็นการประกวดประติมากรรมหิมะที่หลายประเทศทั่วโลกส่งตัวแทนมาเข้าร่วมการแข่งขัน และในช่วงเย็นจะมีประดับไฟและเล่นเทคนิค แสง สี เสียง กับประติมากรรมหิมะต่าง ๆ
  2. เทศกาลเซ็ทซึบุน (Setsubun) หรือเรียกว่า เทศกาลไล่ยักษ์ หรือ เทศกาลปาถั่ว ตรงกับวันที่ 3 กุมภาพันธ์ของทุกปี เทศกาลนี้จัดขึ้นเพื่อแสดงถึงการสิ้นสุดของฤดูหนาว และกำลังจะเข้าสู่ฤดูใบไม้ผลิ โดยในเทศกาลจะมีการโปรยถั่วอบที่บ้านและสำนักงานต่าง ๆ เพื่อขับไล่สิ่งที่ไม่ดี ผีร้าย และพวกยักษ์ที่เรียกว่า โอนิ (Oni) ที่ได้มีการสิงห์สถิตอยู่บริเวณนั้นออกไป
  3. เทศกาล Lantern แห่โคม ของ ศาลเจ้าคาสุกะ (Kasuga Taisha) ในจังหวัด นารา (Nara) ไฟจากโคมกว่า 3,000 อันถูกวางกระจายทั่วสวนหินในศาลเจ้าเป็นเวลา 3 คืน ได้แก่ 3 กุมภาพันธ์ และ 14-15 สิงหาคมของทุกปี
  4. เทศกาลโยโคเตะ คามาคูระ (Yokote Kamakura Festival) จัดขึ้นในวันที่ 15-16 กุมภาพันธ์ของทุกปีในจังหวัด อากิตะ (Akita) ซึ่งกิจกรรมที่สำคัญของเทศกาลคือการสร้างกระท่อมน้ำแข็งที่เรียกว่า คามาคูระ (Kamakura) ในสถานที่ต่าง ๆ ทั่วเมือง

และนี่คือเทศกาลต่าง ๆ ที่น่าสนใจในแต่ละฤดูกาล ใครใคร่สะดวกไปซึมซับวัฒนธรรมของชาวญี่ปุ่นแท้ ๆ ช่วงไหน และที่ไหนก็อย่าลืมวางแผนการท่องเที่ยวกันให้ดี ๆ นะคะ รับรองว่าคราวนี้ได้อะไรกลับมามากกว่าประสบการณ์จากการท่องเที่ยวแน่นอน 😉

แล้วไว้เจอกันใหม่บทความหน้า แล้วจะนำข้อมูลดี ๆ มาฝากกันอีกนะคะ

ขอบคุณค่ะ

ก้อย

ขอขอบคุณข้อมูลจาก : องค์การส่งเสริมการท่องเที่ยวแห่งประเทศญี่ปุ่น (JNTO)

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *