เที่ยวไหนดี เที่ยวในประเทศ [7]
พาเที่ยวเชียงใหม่ EP.7 สวนพฤกษศาสตร์สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์
สวัสดีครับท่านผู้อ่านทุกท่าน ในตอนนี้เราจะยังอยู่ที่เชียงใหม่ครับ แต่จะขอออกไปนอกเมืองกันสักหน่อย ซึ่งผมจะพาไปเที่ยวที่
สวนพฤกษศาสตร์สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์
ซึ่งตั้งอยู่ที่ อำเภอแม่ริมจังหวัดเชียงใหม่ ห่างออกไปจากตัวเมืองประมาณ 40 กิโลเมตร ใช้เวลาเดินทางขับรถไปเรื่อย ๆ ทางอำเภอแม่ริมประมาณ 1 ชั่วโมงครับ
สวนพฤกษศาสตร์แห่งนี้ตั้งขึ้นเมื่อปี พ.ศ. 2526 โดยกรมป่าไม้ เดิมมีชื่อว่า สวนพฤกษศาสตร์แม่สา เพราะตั้งอยู่ในตำบล แม่สา ตั้งขึ้นเพื่อศึกษาวิจัยและให้ความรู้ทางด้านพฤกษศาสตร์ จนกระทั่งปี พ.ศ. 2537 องค์การสวนพฤกษศาสตร์ได้รับพระราชทานพระราชานุญาตจาก สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ ให้ใช้ชื่อสวนแห่งนี้ว่า สวนพฤกษศาสตร์สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ และก่อนที่จะเปลี่ยนชื่อมาเป็น สวนพฤกษศาสตร์สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ ในปี พ.ศ. 2535 สวนแห่งนี้ได้โอนมาเป็นรัฐวิสาหกิจ ในสังกัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ครับ
สวนนี้เป็นสวนขนาดใหญ่ รวมรวบพรรณไม้ต่าง ๆ ไว้มากมาย จัดเป็นสวนที่แบ่งแยกตามพันธุ์และตามหมวดหมู่อย่างชัดเจน ซึ่งเราสามารถเข้าไปเที่ยวชมรอบ ๆ สวน ดูความสวยงามของไม้ดอกไม้ประดับ หรือจะเข้าไปแบบจัดเต็มสาระความรู้ศึกษาเกี่ยวกับพรรณไม้ต่าง ๆ ก็คุ้มกับค่าเข้าสนนราคาถูกแสนถูก เพียงแค่ 40 บาท ต่อคนเท่านั้น
นักท่องเที่ยวสามารถขับรถเข้าไปได้เลยครับทั้งรถยนต์และรถจักรยานยนต์ (เสียค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมเล็กน้อย) แวะได้ตามจุดต่าง ๆ ซึ่งจุดแรกที่เราจะแวะชมนั้นคือที่

Canopy walkway
หรือ ทางเดินลอยฟ้า ซึ่งทางเดินที่อยู่เหนือยอดไม้แห่งนี้สูงกว่า 20 เมตรและยาวถึง 400 เมตร ถือว่ายาวที่สุดในประเทศไทย ทำด้วยเหล็ก แข็งแรงมากครับ ตอนเดินช่วงแรก ๆ ก็แอบกลัวอยู่ แต่ปลอดภัยแน่นอนครับ และบางช่วงก็มีกระจกใส (มัว ๆ บ้างบางจุด) สามารถมองเห็นลงไปด้านล่างได้






หลังจากนั้นให้ขับรถเข้าไปด้านในต่อครับ ไปตามทางตามแผนที่เลยครับ ตรงไหนมีจุดจอดรถตรงนั้นคือที่แวะชมครับ ซึ่งที่ต่อไปคือ สวนกุหลาบ ครับ สวนนี้จะมีกุหลาบสีสดหลากสี คอยต้อนรับคุณอยู่

จากสวนกุหลาบให้เราเดินต่อลงไปยังด้านล่าง จะมีโรงเพาะชำ ซึ่งตรงนี้มีชื่อว่า
กลุ่มอาคารเรือนกระจก
ซึ่งภายใน มีการจัดปลูกพืชที่เป็นประเภทเดียวกันชนิดต่าง ๆ ให้อยู่ในสภาพที่ใกล้เคียงธรรมชาติมากที่สุด ซึ่ง มี่ทั้งหมด 3 แบบด้วยกันคือ
- เรือนกระจกใหญ่ หรือเรือนแสดงไม้ป่าดิบชื้น ภายในมีน้ำตกขนาดใหญ่มากครับ สร้างบรรยากาศด้วย เครื่องพ่นหมอกมีละอองน้ำเล็ก ๆ มากระทบตัวเล็กน้อย ส่วนพืชที่ปลูกจะเน้นไปทางไม้ป่าดิบชื้น ป่าดิบเขา

- เรือนกระจกขนาดกลาง ที่นี่เป็นที่นิยมมากครับ คือเรือน พืชทนแล้ง หรือก็คือพวก กระบองเพชร ครับ ประมาณนั้นครับ ซึ่งที่เรือนนี้จะมีนักท่องเที่ยวเข้าถ่ายรูปกันจำนวนมาก รับรองว่าท่านจะต้องตื่นตาตื่นใจกับกระบองเพชรจำนวนมาก ตั้งเรียงรายกัน อลังการมากเลยครับ
- เรือนแสดงพรรณไม้ทั่วไป เรือนนี้จะปลูกพันธ์ไม้ทั่วไปครับ (ตามชื่อเรือนเนอะ) โดยแต่ละเรือนจะกระจายอยู่รอบ เราวิ่งเข้าออกดูไปที่ละเรือนได้เลยครับ ซึ่งแต่ละเรือนจะมี้ป้ายบอกว่าภายในเป็นพืชชนิดไหน ก็จะมี บัว จัดแสดงพรรณ บัว ต่าง ๆ ครบทุกเฉดสี เรียกได้ว่า ถ่ายรูปส่ง Line สวัสดีตอนเช้าได้เลย ที่ Advance ไปกว่านั้นคือ ถ้าวันพระตรงกับวันอะไรก็ส่งรูปบัวสีนั้นให้เพื่อน ๆ ได้เลยครับ หรือจะเป็นเจ้า สัปปะรดสี ผมเป็นคนที่ชอบสัปปะรดสีมากครับ สีสันสวยงามสดใสดี แต่ราคาต่อต้นนั้นแพงครับ เลยไม่ได้ปลูกไว้ที่บ้าน หรือจะเป็น ไม้ดอกไม้ประดับ ไม้ด่าง ก็มีให้ดูนะครับ






ลองไปเที่ยวกันดูนะครับ ผมว่าที่นี่เป็นแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติทางน่าสนใจมาก ๆ เลย ทางสวยยังมีเพิ่มเติมลูกเล่นต่าง ๆ รอคอยการไปเยือนของทุกท่านครับ
ขอขอบคุณ
นนท์
เดี๋ยวร้อน เดี๋ยวหนาว ระวังป่วยกันนะครับ
สุดท้ายขอฝาก
Facebook: nontdesign
IG: nontdesign
Twitter: nontdesign