การขับรถที่ญี่ปุ่น และการหา Map Code

เรื่องอยากเล่า [2] ขอเสนอตอน

Guide to Driving in Japan

เหมือนเดิมครับ ช่วงนี้คนไทยไปเที่ยวที่ญี่ปุ่นเยอะ ในเรื่องอยากเล่าตอนที่ 2 นี้ผมขอพูดถึงเรื่องการขับรถในประเทศญี่ปุ่น เอาใจคนไทยที่ไปเที่ยวเองแล้ววางแผนว่าจะขับรถเที่ยวที่ญี่ปุ่นครับ

เริ่มต้นในเราไปจัดการเรื่องขอ ใบขับขี่ระหว่างประเทศ ครับ ซึ่งไม่มีความยุ่งยากเลย ทำง่าย ๆ โดยเราต้องมี ใบขับขี่รถส่วนบุคคล ก่อน จากนั้นก็ไปทำเรื่องขอที่ สำนักงานขนส่งทางบก ได้ทุกสำนักงานเลย ใช้เวลาทำไม่นานใกล้ที่ไหนก็ไปที่นั่นครับ กรณีที่ไม่สามารถไปดำเนินการด้วยตนเอง ก็มอบอำนาจได้ ส่วนเรื่องเอกสาร ค่าใช้จ่าย และรายละเอียดต่าง ๆ ก็ตามนี้ครับ

  • สำเนาหนังสือเดินทาง เล่มที่ใช้ในการเดินทาง ประวัติหน้าที่แก้ไข (พร้อมฉบับจริง)
  • สำเนาประจำตัวประชาชน (พร้อมฉบับจริง)
  • สำเนาใบขับขี่รถส่วนบุคคล หรือ ตลอดชีพ (พร้อมฉบับจริง) ใบอนุญาตเป็นผู้ประจำรถตามกฎหมายว่าด้วยกรมการขนส่งทางบกซึ่งยังไม่หมดอายุ ***(พร้อมฉบับจริง)***
  • รูปถ่าย ขนาด 2 นิ้ว 2 รูป ******( รูปถ่ายไม่เกิน 6 เดือน ) ถ่ายรูปหน้าตรง ไม่สวมหมวกหรือสวมแว่นตาสีเข้ม, ไม่มีภาพวิวหลังรูป
  • สำเนาหลักฐานการแก้ไขชื่อ- สกุล, ทะเบียนสมรสหรือใบหย่า
  • ค่าธรรมเนียม 505 บาท

ซึ่งผมคัดลอกมาจากเว็บไซต์ของกรมขนส่ง www.dlt.go.th/th/driving-license/view.php?_did=90 ตามนี้ คลิกเข้าไปดูได้ครับ

หลังจากได้ใบขับขี่แล้ว เราก็ต้องมาทราบกติกาและกฎต่าง ๆ ในการขับรถที่ญี่ปุ่นกัน ผมจะขอเล่าให้ฟังแต่กรณีที่พบเจอบ่อย ๆ นะครับ

  • อันดับแรกเรื่อง ความเร็ว ก่อน โดยปกติจะมีป้ายบอกความเร็วติดอยู่ ถ้าไม่มีป้าย สำหรับถนนทั่วไปก็ 60 กิโลเมตรต่อชั่วโมง บนทางด่วนระหว่างเมือง 100 กิโลเมตรต่อชั่วโมง แอบบวกได้นิดหน่อยเวลาเร่งแซง
  • ต่อมาคือการ วิ่งเลนขวาบนทางด่วน วิ่งได้แต่อย่าลากยาว ง่าย ๆ คือแซงเสร็จแล้วก็เข้าเลนซ้าย เพราะเลนขวาสุดคือทางของรถฉุกเฉิน ไหล่ทางก็ห้ามวิ่ง ยกเว้นว่ารถจะมีปัญหาครับ
  • มาดูในเมืองกันบ้างครับ บริเวณสี่แยกไฟจราจร ที่นี่ไม่มีนับเวลาถอยหลัง และส่วนใหญ่จะเปิดไฟเขียวพร้อมกันทั้งฝั่งเราและฝั่งที่สวนกัน ถ้าจะเลี้ยวซ้ายให้ดูคนข้ามถนนก่อน ส่วนการเลี้ยวขวา สามารถเลื่อนรถไปรอ กลางสี่แยก เมื่อไม่มีรถวิ่งสวนก็สามารถเลี้ยวขวาได้เลยแต่จะมีบางแยกที่เปิดไฟเขียวทางตรง แต่จะมีไฟข้าง ๆ อีกอัน นั่นคือไม่สามารถเลื่อนรถไปรอเลี้ยวได้ ต้องรอสัญญาณไฟเท่านั้น แล้วถ้าจะจอดรถ ขอให้ใช้บริการในสถานที่ ๆ จัดไว้ให้นะครับ หรือจอดใน ลานจอดรถหยอดเหรียญ (Coin Parking) ห้ามจอดริมถนน แต่สามารถแวะโฉบ รับส่งคนได้ พอขึ้นรถแล้วก็อย่าลืมคาดเข็มขัดนิรภัย และเวลาอยู่บนทางด่วนก็ต้องคาดทุกที่นั่งนะครับ

ส่วนการเช่ารถให้ไปเช่าไปล่วงหน้าก็ดีกว่าครับ ซึ่งจริง ๆ แล้วเราจะไปที่ศูนย์บริการเช่ารถเลยก็ได้ครับ แต่ผมพวกกลัวครับ กลัวไม่มีรถ เลยจองไปจากที่ไทยดีกว่า มีหลายเจ้าเลย ส่วนตัวผมชินกับ NIPPON Rent a Car และ TOYOTA rent a car ครับ แต่จะใช้ Nippon เยอะหน่อย เพราะรถมีให้เลือกหลายยี่ห้อ ถ้าเป็น Toyota ก็จะมีให้เลือกเฉพาะโตโยต้าครับ เจ้าอื่นก็ดีนะครับ เช่น Times Car Rental, ORIX Rent-A-Car, Honda Rent a Car, Nissan Rent a Car ซึ่งผมว่าก็ดีหมดนะครับ ส่วนการจองจะจองตรงเลยก็ได้ หรือจองผ่านเว็บ https://www2.tocoo.jp/en/ ก็ดีครับ ราคาดี จองก็ง่ายครับ

ส่วนใหญ่คนไทยจะไปเป็นคู่ รถที่จองก็จะเป็นรถเล็ก แบบนั่ง 2 คนใส่กระเป๋าเดินทาง 2 ใบ เรียกว่า Standard ราคาก็ 6,000 – 8,000 เยนครับ จะเป็นรถประมาณนี้ (เทียบกับบ้าน) Toyota Vitz (Toyota Yaris), Honda Fit (Honda Jazz), Mazda Demio (Mazda 2) หรือ รถแบบนั่ง 5-7 คน

หรือไปเป็นครอบครัวใหญ่ผมแนะนำเป็น Minivans Honda Stepwagon, Toyota Noah, Nissan Serena แบบนี้นั่งได้ 6 – 8 คนเลยครับ ราคาก็ 15,000 – 25,000 ราคาถูกแพงตัดสินจากช่วง Low หรือ High Season ครับ

หากเกิน 8 คนขึ้นไป จะเป็นรถตู้ครับ ซึ่งเราจะขับรถตู้ (สำหรับ 8 ที่นั่งขึ้นไป) ที่ญี่ปุ่นไม่ได้นะครับ เราต้องมีใบขับขี่ประเภท 2 ของประเทศไทย และทำใบขับขี่สากลอีกประเภทหนึ่งครับ (ผมไม่แน่ใจ) เราถึงจะขับได้ครับ

ที่สำคัญให้เลือกแพ็คเกจที่มี ETC (Electronic Toll Collection System card) ซึ่ง เป็นบัตรผ่านทางด่วน มีทั้งแบบเหมาจ่าย และแบบใช้ก่อนจ่ายทีหลัง ใช้ตอนขึ้นและลงทางด่วนครับ เวลาขับก็ขับผ่านเข้าช่อง ETC เลยสะดวกสบาย

 

และในรถก็จะมี ระบบนำทาง (GPS) อยูในรถเลย ไม่ต้องกางแผนที่หรือเปิด Google Map ให้วุ่นวาย รายการต่าง ๆ ก็เป็นภาษาอังกฤษ ส่วนเรื่องจุดหมายปลายทางที่เราจะไป คนไม่รู้ภาษาญี่ปุ่นอย่างผมไปได้ ท่านทั้งหลายก็ไม่ต้องกังวลเลยครับ ระบบนำทางของที่นี่มีการค้นหาสถานที่ผ่านจุดหมายปลายทางจาก เบอร์โทรศัพท์  สุโก้ยยยย

 

Guide to Driving in Japan
หน้าจอ GPS ในรถครับ

 

อีกวิธีหนึ่งซึ่งเจ๋งมาก ๆ คือ ใส่ MC ครับ เราจะมักจะพบสัญลักษณ์นี้ตามโบรชัวร์ต่าง ๆ และมีชุดตัวเลขต่อท้าย อันนี้แหละครับคือ Map Code ผมขอเรียกว่า พิกัดสถานที่ของซามูไรครับ ซึ่งหากเราจะไปที่ไหน เราก็ไปเข้าเว็บไซด์ของจังหวัดหรือภูมิภาคนั้น ๆ ไปดาวน์โหลดโบรชัวร์ของจังหวัด ในนั้นมีบอก MC ของสถานที่ต่าง ๆ เยอะมาก แต่ควรหาใกล้ ๆ จะเดินทางนะครับ เพราะ MC จะมีการอัพเดทอยู่เสมอ อาจจะเปลี่ยนแปลง

 

Guide to Driving in Japan
เลือก Map Code และใส่เลขลงไปได้เลย

 

Guide to Driving in Japan
เมื่อใส่เสร็จก็ขับตาม GPS ได้เลยครับ

 

หากเราอยากหาไปจากที่ไทยล่ะ อันนี้ผมสอบถามทางญี่ปุ่นมา คือให้หาจากเว็บ www.mapion.co.jp แต่เป็นภาษาญี่ปุ่นเท่านั้น ค่อนข้างยุ่งยาก เราก็กดคลิกขวาแปลภาษาเป็นอังกฤษเอาครับ ลองทำตามรูปดูได้เลยครับ

 

 

Guide to Driving in Japan
หน้าเว็บ www.mapion.co.jp

 

 

Guide to Driving in Japan
หากใช้ Chrome กดคลิกขวาแปลเป็นไทยครับ

 

Guide to Driving in Japan
ชื่อสถานที่ต้องเป็นภาษาญี่ปุ่นนะครับ ใช้ google แปลภาษา ชื่อสถานที่ได้เลย

 

Guide to Driving in Japan
และกดตรงที่ลูกศรชี้

 

Guide to Driving in Japan
จะมี Map Code ขึ้นมาครับ

 

ลอง ๆ หากันดูนะครับ Map Code ได้ใช้แน่ ๆ ครับ

ขอขอบคุณ
นนท์

สุดท้ายขอฝาก
Facebook: nontdesign
IG: nontdesign
Twitter: nontdesign

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *