เที่ยวไหนดี เที่ยวในประเทศ [3]

ผมยังคงพาเที่ยวที่ เชียงใหม่ (Chiang Mai) กันต่อนะครับ ในตอน

พาเที่ยวเชียงใหม่ EP.2
วัดอุโมงค์ + NO.39 + อนุสาวรีย์ครูบาศรีวิชัย

ต่อจาก พาเที่ยวเชียงใหม่ EP.1   คลิกเข้าไปอ่านก่อนอ่านตอนนี้ได้ครับ

ซึ่งในตอนที่ 2 นี้ ผมยังคงไปไหว้พระต่อครับ พาท่านแม่และท่านพี่ชายของคุณแฟนไปด้วย เลยเน้นไปทางไหว้พระ ก่อนจะพาแม่กะพี่ไปนั่งชิลล์ ๆ สบายในตอนต่อไปครับผม

จากร้าน ก๋วยเตี๋ยวอัญชัน ผมไปต่อที่วัดอุโมงค์ (ผมใส่แผนที่ไว้ให้ตอนท้ายครับ) หากใครอยากแวะกินกาแฟก็ไปได้ที่ร้าน NO.39 ซึ่งตอนแรกผมกะว่าจะไปที่ บ้านข้างวัด ก่อน เห็นว่าเป็นโครงการเล็ก ๆ มีร้านกาแฟร้านขายของ ได้ยินว่าของบางอย่างมาจากกรุงเทพฯ ซึ่งคนกรุงเทพฯ ก็ชอบซื้อจากที่นี่ ^___^ (ถือเป็นการหมุนเวียน) และในวันอาทิตย์ตลาดเช้า ประมาณ​ 8 โมงถึง 10 โมง จะมีของขายมากมาย และมีชาวต่างชาติทำขนมปัง Homemade ไปขาย แต่ผมไปวันเสาร์ ช่วงเย็นกะว่าจะไปไหว้พระที่ลำพูนอีก ถ้าไปบ้านข้างวัดจะนานแน่ ๆ เลยไปวัดอุโมงค์ก่อนแล้วไปแวะกินกาแฟที่ร้าน NO.39

 

 

วัดอุโมงค์

หรือชื่อเต็มคือ วัดอุโมงค์ (สวนพุทธธรรม) วัดนี้อยู่ทางทิศใต้ของ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ อยู่ในซอยด้านหลัง ม.ช. ซึ่งแน่นอนว่าชื่อวัดอุโมงค์ ภายในวัดต้องมีอุโมงค์ (จริง ๆ ไม่เกี่ยว U__U) ผมจึงขอเน้นไปที่อุโมงค์ของวัดอย่างเดียวเลยครับ ซึ่งจริง ๆ แล้ววัดยังมีอีกหลายส่วนมาก ๆ มีหอธรรม มีบ่อน้ำหลังวัด คงไปได้ไม่หมด ขอพุ่งตรงไปยังอุโมงค์เลย

 

 

คนโบร่ำโบราณเล่าว่า ชาวล้านนาในสมัยนั้นสร้างอุโมงค์โดยการก่ออิฐขึ้นมาก่อนแล้วจึงฉาบปูนปิดทับ ซึ่งในปัจจุบันชั้นปูนที่ฉาบนี้ได้หลุดออกเกือบหมด เหลือเพียงอิฐก่อผนัง ซึ่งบางจุดก็มีจิตรกรรมฝาผนังด้วยนะครับ
และในปี พ.ศ. 2546 มีการซ่อมแซมโครงสร้างของอุโมงค์ให้แข็งแรงขึ้นครับ

 

 

 

เราสามารถเดินเข้าไปด้านในอุโมงค์ได้เลยครับ (ถอดรองเท้าก่อนนะ) มีทางเข้า 3 ทางเข้าไปจะพบกันหมด เข้าทางไหนก็ได้ ภายในมีพระพุทธรูปหลายองค์ให้ได้สักการะบูชา และเมื่อเดินทะลุอุโมงค์จนไปถึงด้านหลัง เดินขึ้นบันไดไปสักหน่อย ก็จะพบกับ พระเจดีย์ 700 ปี ซึ่งตั้งอยู่ด้านบนของอุโมงค์นั่นเอง เป็นเจดีย์ทรงระฆังกลมขนาดใหญ่ ตั้งอยู่กลางสนาม ล้อมรอบด้วยต้นไม้ สง่างามมาก

 

 

 

 

หลังจากไหว้พระเสร็จ ก็สามารถเดินเล่นรอบ ๆ วัดได้ครับ ต้นไม้แต่ละต้นจะมีธรรมะติดอยู่ ซึ่งที่วัดเรียกว่า ต้นไม้ธรรมะ (DHAMA TREES) เดินผ่านไปผ่านมาแวะอ่านได้ครับ บางประโยคบางช่วงบางตอนก็โดนใจเข้าสถานการณ์ปัจจุบัน เตือนสติได้ดีเลยครับ น้ำตาแทบไหล

ท่านใดไม่สนใจกาแฟก็ข้ามไปที่ อนุสาวรีย์ครูบาศรีวิชัย ด้านล่างได้เลยครับ
ส่วนท่านใดไปไหว้พระมาแล้วก็ตามไปกินกาแฟได้ครับ
ผมผสม 2 อย่างเข้าด้วยกัน ตามสไตล์คนแก่หัวใจวัยรุ่น และคนวัยรุ่นสายบุญครับ ^_^

 

 

หลังจากนั้นผมก็แวะเข้าไปหาเครื่องดื่มเย็น ๆ ที่ร้าน NO.39 เรียกเต็ม ๆ ได้ว่า No.39 Cafe Chiang Mai ร้านกาแฟบรรยากาศดี ผมยกให้ระดับ A เลยครับ แต่ไปเย็นหน่อยก็ดีครับไม่ร้อนมาก ตั้งอยู่ใกล้ ๆ วัดอุโมงค์ บรรยากาศชิลล์มากครับ มีบ่อน้ำอยู่กลางร้านเลย มีที่นั่งแบบทั้งโซนห้องแอร์และด้านนอก เปิดตั้งแต่ 10.30 – 21.00 น. ตอนกลางคืนก็สวยครับ ลองไปกันดู

 

 

ส่วนเมนูอาหารและเครื่องดื่มก็มีกาแฟ ชาเขียว โกโก้ Italian Soda ขนมต่าง ๆ และอาหารก็พวก มันฝรั่งทอด แฮมเบอร์เกอร์ครับ ผมไม่ได้กินอาหารกับขนมเลย สั่งแต่เครื่องดื่ม รสชาติกาแฟผมเฉย ๆ นะ อาจจะไม่ใช่แนวผม ซึ่งผมก็ไม่ใช่เซียนกาแฟนะ เลยวิจารณ์ไม่ได้ ต้องลองไปชิมกันเอง

ผมลองสั่ง Latte เย็น 75 บาท ชาเขียวเย็น 75 บาท และสุดท้ายลองสั่ง Americano Fruit Soda 100 บาท ครับ เดาว่าเป็น กาแฟ espresso ราดลงบน ไซรัปสตรอว์เบอร์รี่ แล้วตามด้วยโซดาครับ ใส่น้ำแข็งเย็น ๆ ก็ชื่นใจคลายร้อนดีครับ

 

 

จากนั้นเราไปต่อกันที่

อนุสาวรีย์ครูบาศรีวิชัย 

 

 

อนุสาวรีย์ครูบาศรีวิชัย ตั้งอยู่ทางขึ้นดอยสุเทพครับ เกือบทุกครั้งเลยครับถ้าผมไป เชียงใหม่ ผมจะต้องไปไหว้ครูบาศรีวิชัย ครั้งไหนที่ไม่ได้ไปไหว้ คือไปทำงานแบบรีบ ๆ ครับ ไปเช้าเย็นกลับ หรืองานที่ถ่าย ๆๆๆๆ ทั้งวัน

ครูบาศรีวิชัยถือว่าเป็นนักบุญแห่งล้านนาไทย เป็นที่เคารพอย่างยิ่งของคนเชียงใหม่และคนโดยทั่วไป ผู้คนมักจะไปไหว้อนุสาวรีย์ครูบาศรีวิชัยเพื่อความเป็นสิริมงคล ซึ่งตอนผมเด็ก ๆ นะ ผมมักจะไปใส่บาตรกับเพื่อน ๆ ตรงเชิงดอยสุเทพ บริเวณลานครูบาศรีวิชัย พระเยอะมาก ๆ เลยครับ  อาหารหรือน้ำที่จะใส่บาตรก็ซื้อตรงนั้นเลยครับ ไม่แน่ใจว่าปัจจุบันยังมีอยู่มั้ย

 

 

 

เช่นเดียวกันครับ ตรงบริเวณอนุสาวรีย์ครูบาศรีวิชัยจะมีดอกไม้ ธูปเทียน วางขาย ตุ๊กตาปีนักษัตรต่าง ๆ เลือกซื้อไปถวายกันได้ครับ

ครูบาศรีวิชัยเป็นพระภิกษุผู้ยึดมั่นในจารีตอย่างเคร่งครัด สร้างความศรัทธาให้เกิดแก่ชนทุกกลุ่ม ชื่อเดิมของท่านคือ เฟือน เกิดเมื่อวันอังคารที่ 11 มิถุนายน พ.ศ. 2421 ปีขาล ที่บ้านปาง ตำบลแม่ตืน อำเภอลี้ จังหวัดลำพูน  จึงเป็นที่มาของชื่อท่าน (ศรีวิชัย) เพราะ ตำบลแม่ตืน ปัจจุบันคือ ตำบลศรีวิชัย ส่วนคำว่า ครูบา คือคำที่ใช้เรียกขานพระเถระผู้เป็นที่เคารพนับถือ

ในเมื่อครูบาศรีวิชัยเป็นคนลำพูน ทำไมถึงมี อนุสาวรีย์ครูบาศรีวิชัย บริเวณทางขึ้นดอยสุเทพ

นอกจากที่จังหวัดลำพูน ซึ่งเป็นบ้านเกิดของท่าน ท่านได้บูรณะ วัดพระธาตุหริภุญชัย และ วัดจามเทวี ซึ่งแต่เดิมเป็นวัดร้าง วัดพระพุทธบาทตากผ้า ที่อำเภอป่าซาง ยังมีที่ วัดพระธาตุช่อแฮ จังหวัดแพร่ วัดศรีโคมคำพระเจ้าตนหลวง จังหวัดพะเยา วัดพระธาตุดอยตุง จังหวัดเชียงราย วัดพระสิงห์และวัดสวนดอกที่จังหวัดเชียงใหม่

ซึ่งผลงานสร้างถนนขึ้นดอยสุเทพ เมื่อปี พ.ศ. 2477 ซึ่งก่อนที่จะมีถนนนั้น ต้องเดินเท้ากว่า 5 ชั่วโมงถึงจะเจอวัด ดังนั้นเพื่อระลึกถึงคุณความดีของท่านประชาชนผู้ศรัทธาจึงได้ร่วมกันสร้าง อนุสาวรีย์ครูบาศรีวิชัย ขึ้นบริเวณเชิงดอยสุเทพ ด้วยทองสัมฤทธิ์ ในท่ายืน ขนาดเท่าองค์จริง

แต่อนุสาวรีย์คูรบาศรีวิชัย ไม่ได้มีที่เชียงใหม่ที่เดียวนะครับ ยังมีที่บ้านเกิดของท่าน จังหวัดลำพูน ที่วัดดอยติ อำเภอเมืองลำพูน ครับ

หวังว่าท่านผู้อ่านจะอิ่มอกอิ่มใจกับการไหว้พระนะครับ
ไว้เจอกันใหม่ใน EP.3 ครับ

 

ขอบพระคุณครับ

นนท์
ท่ามกลางลมร้อนและแสงแดดแผดเผา

สุดท้ายขอฝาก
Facebook: nontdesign
IG: nontdesign
Twitter: nontdesign