เที่ยว Hokkaido ช่วงหน้าร้อน ตอนที่ 1 ลุยเนื้อเจงกิสข่าน

ท่องเที่ยวต่างประเทศ [26]

สวัสดีครับ คราวนี้ผมจะพาไปลุยกันที่เกาะ Hokkaido ตามชื่อเรื่อง ที่สำคัญคือต้องไปในช่วงหน้าร้อนของประเทศญี่ปุ่นนะครับ คือช่วงเดือนกรกฎาคมครับ

ฟังว่าไปช่วงหน้าร้อน มีหลาย ๆ ท่านขำผมเลยนะครับ เมืองไทยของเราก็ร้อนอยู่แล้ว ทำไมไปหน้าร้อนอีก ต้องไปช่วงหน้าหนาวสิไป ฮอกไกโด อ่ะ ? แต่รับรองว่า ทำตามนี้ ไปเที่ยวตามได้อย่างสบายเลย
ตามไปดูกันเลยครับ ว่า หน้าร้อนที่ฮอกไกโด มีอะไรให้พวกเราต้องเสียค่าเครื่องบิน ไปเที่ยวที่นั่น

ก่อนอื่นผมขอตอบคำถามก่อนว่า หายไปไหน ห่างหายไปนานเลย สำหรับการอัพ blog ของผม ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของน้องก้อยซะนานเลยครับ
เนื่องจากว่าผมติดงานถ่ายภาพ (ต้องหาเงินเลี้ยงตัวเองไปเที่ยวครับ ฮาาาาาาาาาา) ดูผลงานได้ที่ www.nontcameraman.com พอถ่ายเสร็จก็ต้องทำ file ส่งลูกค้า ถ้าส่งช้าไปอาจจะลง pantip ได้ครับ เลยไม่ได้อัพ blog เลย ตอนนี้กลับมาแล้ว ฝากติดตามด้วยนะครับ

กลับมาที่เรื่องเที่ยว ฮอกไกโด (Hokkaido) ครับ

วางแผนเที่ยว

ผมเริ่มวางแผน โดยการไล่เข้าเว็บของ ฟาร์มดอกไม้ต่าง ๆ ที่เราจะไปครับ เช่น ฟาร์มโทมิตะ (Tomita Farm) www.farm-tomita.co.jp เข้าไปดูว่า ดอกไม้ช่วงไหนสวยที่สุด ที่ต้องไปดูคือ ลาเวนเดอร์ (Lavender) ถ้าเราไปถูกช่วงนะ (คนก็จะเยอะตามด้วยครับ) เราจะได้เห็น ทุ่งลาเวนเดอร์ สีม่วงกว้าง ๆ สุดตา (ให้นึกถึงประโยคที่ว่า โลกสวยมาจากทุ่งลาเวนเดอร์) แบบไม่ต้องไปไกลถึงยุโรปเลยนะครับ

ซื้อตั๋วเครื่องบิน จองโรงแรม

ต่อมาคือซื้อตั๋วครับ เข้าไปเช็คตัวกับสายการบินไทย สายการบินแห่งชาติเขาเรา มีบินตรง บินดึกถึงสาย เที่ยวเลย เยี่ยม!!! แต่ แต่ว่ามีวันละเที่ยว และเที่ยวนั้นจะเต็มแล้ว ราคาพุ่งกระฉูดไปอีก ทำไงดี ทำไงดี เราต้องไปในวันที่สวยที่สุดให้ได้ ดันมีโปรไปลงโตเกียว แต่ต้อง 4 คนนะ ตกคนละ 10,000 ต้นๆ (ประมาณ 13,000 ผมจำราคาแน่นอนไม่ได้)  เอาว่ะ เปิดหน้า web ทิ้งไว้ก่อน ไปหาเที่ยวในประเทศจากโตเกียวไปลง ซัปโปโร ซื้อแบบไป – กลับ ล่วงหน้านานสักหน่อยจะได้ โปรของ Jet Star รวมกระเป๋า 30 กิโล ประมาณคนละ 4,500 บาท ถ้าไม่ใช่ช่วงเทศกาลนี้ โปรนี้ไม่รวมกระเป๋า แค่ 2,200 บาท ก็ไปได้แล้วครับ ขึ้นกลับเวลาของเที่ยวที่เลือกด้วยครับ ผมเลือกเที่ยวแพงสุดเลย เห็นเพราะลงเครื่องแล้วมีเวลาเคลื่อนย้ายตัวไปต่อเครื่องได้ทัน ไม่ต้องรอนาน ซึ่งเป็น flight 11.10 น.

สรุปคือ ผมไปการบินไทย ลง Narita Airport เพราะต้องต่อ Jet Star ที่ Narita Airport
และจาก Narita Airport ไป New Chitose Airport ถึงประมาณ บ่ายโมงครับ
เสียเวลาจากบินตรงไป 4 ชั่วโมง แต่ประหยัดตังไปได้เยอะอยู่ ที่สำคัญได้เนียนอยู่เที่ยวต่อที่โตเกียวอีก

ส่วนโรงแรม ผมเลือกพักใกล้กับ สถานี Susukino ครับ ที่เก่า แต่ไม่ใช่เวลาเดิม คือที่ Mercure Sapporo ผมชอบที่นี่มาก ๆ ของกิน ของซื้อ ครบครัน ใกล้สถานี ผมเคยรีวิวไว้แล้วนะที่ www.nontdesign.com/mercure-sapporo/ ตามไปดูได้เลยครับ

 

แนะนำ Mercure Sapporo ที่พัก ใน Sapporo
แนะนำ Mercure Sapporo ที่พัก Sapporo

วันแรก DAY 1

โปรแกรมวันแรกของผม
สนามบินนาริตะ ➡ สนามบินนิวชิโตเสะ (ฮอกไกโด) ➡ Mitsui Outlets ➡ Mercure Sapporo Susukino ➡ เนื้อเจงกิสข่านที่ Fukuroutei

 

เมื่อถึงสนามบินนาริตะ ผ่านด่านตรวจคนเข้าเมืองและรับกระเป๋าเรียบร้อย เราต้องรีบไปขึ้นเครื่องไปฮอกไกโดครับ เครื่องที่ผมไปจากประเทศไทยลงที่ Terminal 1 ฝั่ง South Wing ที่ สนามบินนาริตะ ต้องขึ้นเครื่องไป สนามบินนิวชินโตเสะ ที่ Terminal 3 ของสนามบินนาริตะ โดยการขึ้น Shutter Bus ที่จุดจอดรถที่ 6 ดูสายรถตามรูปด้านล่างนี้เลยครับ

 

Narita airport
ขอบคุณรูปจาก www.narita-airport.jp

 

Narita airport
ขอบคุณรูปจาก www.narita-airport.jp

ดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ www.narita-airport.jp/en/access/shuttlebus

 

เมื่อถึง Terminal 3  ก็ทำการ drop กระเป๋าที่ Counter ของ Jetstar ครับ เหลือเวลาเล็กน้อย ก็หาขนมกินเล่นรอเวลาไปก่อน

ประมาณบ่ายโมงเราก็ถึงที่  Hokkaido แล้วครับ ขึ้น shutter bus (¥930) ไป Mitsui Outlets ฝากกระเป๋าในตู้ได้ครับ ฟรี เพียงแต่เราต้องหยอดเหรียศลงไปก่อน พอเรามาเปิดรับกระเป๋าตู้ก็จะคืนเหรียญให้ครับ ทีนี้ก็เดินช้อปปิ้งตัวปลิว แต่อย่าลืมไปที่ information ก่อนนะครับ เขามักจะมีโปรโมชั่นเพิ่มเติมสำหรับนักท่องเที่ยวเสมอ

 

Mitsui Outlets
ลุยๆ

 

มาถึงตรงนี้ อย่าเพิ่งบ่นครับ อะไรกันเพิ่งเหยียบแผ่นดินอาทิตย์อุทัยก็ช้อปปิ้งเลยหรอ ฮาาาาาาา เหมือนเดิมครับ ผมพาแม่ไปเที่ยวด้วย เพื่อให้นางจะได้ไปต่อกับเราอย่างไม่งอแง เลยเริ่มด้วยของชอบของท่านแม่ (บางทีลูกซื้อมากกว่าแม่อีก ?) แต่แม่ก็มีความสุขแค่ได้ไปเดินดู ท่านผู้อ่านที่น่ารักของผมลองไปปรับดูนะครับ จะมุ่งตรงเข้าไปที่ Sapporo Station เลยก็ดี ตรงนั้นมีห้างใหญ่ มีที่เดินเที่ยวมากมายเลยครับ

หากหิวผมแนะนำร้าน BUTA-DON NO BUTA-HAGE ใน Mitsui Outlets เป็นข้าวหน้าหมู กินง่าย อร่อย และเร็วครับ

เมื่อช้อปปิ้งจนพอใจแล้ว เราก็ขึ้นรถบัสแล้วต่อรถไฟ ไปโรงแรม Mercure Sapporo Susukino เพื่อเช็คอิน เก็บกระเป๋า พักผ่อนเล็กน้อย ก่อนจะถึงเวลาที่ทุกคนรอคอย คือ ไปกิน เนื้อเจงกิสข่าน ที่ร้าน Fukuroutei
ร้านนี้เป็นหนึ่งในร้านเนื้อเจงกิสข่านที่สุดยอดมาก ๆ ในซัปโปโรเลยนะครับ คนท้องถิ่นเคยพาผมไปกิน จะไปคราวนี้เลยฝากนางโทรจองให้ (ต้องจองนะครับ)

เนื้อเจงกิสข่านคืออะไร แล้วทำไมต้องมากินที่ซัปโปโรเรามาดูกันครับ

เนื้อเจงกิสข่านที่จะพาไปดูก็คือ เนื้อแกะกระทะ นั่นเองครับ เหมือนหมูกระทะบ้านเราเลย แต่เป็น เนื้อแกะ ครับ  แล้วทำไมต้องเป็นเจงกิสข่าน จะเหมือนกับขนมโตเกียว หรือ ลอดช่องสิงคโปร์ หรือเจงกิสข่านนำทัพมาแถวซัปโปโร

เพื่อนคนซัปโปโรของผมเล่าให้ฟัง ซึ่งเขาก็ไม่รู้ว่าเรื่องจริงมั้ย

เรื่องคือว่า ย้อนกลับตั้งแต่สมัยผู้ให้กำเนิดกระทะย่าง (ไม่ใช่การะเกดนะครับ) คือทหารมองโกลครับ ช่วงพักศึกก็นำหมวกที่ใส่รบนั่นแหละมาย่างเนื้อสัตว์กิน
แสดงว่าสมัยก่อนนั้นหมวกนี่ต้องเป็นเหล็กล้วนเลยนะเนี่ย อาจจะมีบุหนังสัตว์เวลาใส่ พอย่างก็ดึงออกมา (ช่างเถอะ)
ประกอบกับช่วงนั้นประเทศญี่ปุ่นมีฟาร์มแกะเยอะมาก แต่พอหลังสงครามฟาร์มแกะทั่วญี่ปุ่นก็หายไปหมด เหลือที่ฮอกไกโดนี่แหละ จึงเป็นที่มาของเมนู เนื้อเจงกิสข่าน (Genghis Khan BBQ) นั่นเอง ไม่ใช่ว่าเมนูนี้กินที่อื่นไม่ได้นะครับ ถ้ามากินที่นี่ เนื้อสดมากที่ ไม่มีกลิ่น ง่าย ๆ คือ อร่อยกว่าที่อื่น เพราะอยู่ใกล้ฟาร์มนั่นเอง แต่เห็นเพื่อนบอกว่าปัจจุบันนำเข้าจากออสเตรเลียเกือบทั้งหมดเลยครับ

 

กระทะที่ได้แรงบันดาลใจมาจากหมวกทหาร

 

ร้าน Fukuroutei นี้เดินจาก สถานี Susukino ประมาณ 10 นาทีครับ (ผมลงแผนที่ไว้ให้ตอนท้ายเช่นเดิม)
เข้าไปในร้านเราก็แจ้งชื่อที่เราจองไว้ครับ ลงไปนั่งที่โต๊ะ คุณพี่พนักงานจะส่งรายการอาหารให้เลือกครับ
คุณพี่เขาคงเหลือชาวคณะเรางง ๆ แกเลยประมาณว่า สั่งเครื่องดื่มมา เดี๋ยวจัดการอาหารให้ คงสงสาร ฮาาาาาาา แกพยายามให้ดูรูป เราก็แบบมึน ๆ ขึ้นเครื่องบิน ช้อปปิ้ง ลากกระเป๋า หิวและขี้เกียจ เยี่ยมมากเลยพี่ จัดมาให้เลยดีกว่า เอาแบบเจ๋ง ๆ จัดเซ็ทโตะ มาเลย

เราจะได้ชุดผักรวมมา มีหน่อไม้ฝรั่ง เห็ด ผักกาด ถั่วงอก 400 Yen
ใครไม่กินอะไรสั่งแยกเป็นอย่าง ๆ ได้ครับ
หน่อไม้ฝรั่ง 400 Yen…เห็ด 400 Yen…ถั่วงอก 300 Yen
เรื่องราคารบกวนไปเช็คกันที่ร้านอีกทีนะครับ ภาษาญี่ปุ่นผมไม่ได้สักคำ อาศัยถาม ๆ เอา ไม่รู้เข้าใจผิดหรือเปล่าครับ อาจจะมีผิดพลาด ต้องขอโทษด้วยครับ

ทำการคีบผักลงไปด้านข้าง แล้วนำมันหมู ถู ๆ คล้ายหมูกระทะบ้านเราเลยครับ

 

Genghis Khan BBQ
โรยผักลงไปรอบ ๆ

 

จากนั้นเราก็เตรียมย่าง เนื้อเจงกิสข่าน กันครับ จะมีจานหลัก ราคา 900 Yen
ส่วนอีกจาน มีไส้กรอกเนื้อแกะ 3 แบบเลยครับ มีแบบ ไส้กรอกแฟรงค์…กระเทียม…อีกอันไม่รู้อะไร ?
และก็ เบคอนแกะ ส่วนที่เป็นชิ้นกลม ๆ ในรูปเรียกว่า Lampton ครับ ไม่รู้เรียกผิดเปล่า ถามพี่พนักงานว่าคืออะไร ได้ยินมาประมาณนี้
ราคาก็พวกไส้กรอก เบคอน 75o Yen ครับ Lampton 650 Yen ครับ

 

Genghis Khan BBQ
มาแล้วเนื้อ Genghis Khan จานนี้ 900 Yen

 

Genghis Khan BBQ
จานนี้เป็นรวม ๆ ครับ มีไส้กรอก เบคอน

 

Genghis Khan BBQ
กินได้

 

กินพร้อมข้าวและน้ำจิ้มนี่ฟินมาก ๆ เลยนะครับ
พนักงานบอกว่า นำน้ำจิ้มที่เหลือราดลงบนข้าว
ข้าวมีให้เลือกปริมาณถึง 3 ระดับครับ
ข้าว 200  Yen…ข้าว (ใหญ่) 250  Yen…ข้าว (เล็ก) 150  Yen
และก็กิมจิในราคา 300 Yen ครับ
ราคาทั้งหมดที่ผมบอกข้างต้นนั้นไม่รวมภาษีนะครับ

 

Genghis Khan BBQ
แถมอีกสักรูป

 

สรุปแบบสั้น ๆ คือ อร่อยมาก ดีมากเลย ควรไปกินมาก ๆ ครับ
แบบมีรายละเอียดคือ ปกติผมเป็นคนที่กินแกะนะ แต่คราวนี้สุดยอดจริง ๆ ไม่มีกลิ่นเลย แม้แต่น้อย ทั้ง ๆ ที่เนื้อมาแบบดิบเลย ปกติปรุงแล้วยังแอบมีกลิ่นบ้าง ข้อเสียคือ แกะมันเบาครับ ไม่รู้ว่าคนอื่นเป็นยัง ผมว่าเนื้อวัวกินแล้วอิ่มถึงจุกเลยนะ แต่เนื้อแกะนี่ไม่อิ่มสักที เปลืองครับ ? กินเยอะ
ผมว่าเป็นการดีสุด ๆ เลยครับ สำหรับท่านที่ไม่เคยกินเนื้อแกะ จะได้จดจำรสชาติที่เยี่ยม ไม่มีกลิ่นสาบ แต่ว่าจะดีจริงหรือเปล่า เพราะเวลาไปกินที่อื่นอาจจะกินไม่ไหว เอาเป็นต้องมาลองครับ ไม่ใช่เฉพาะร้านนี้นะครับ ที่ซัปโปโร มีร้านดัง ๆ เยอะเลย ที่ผมอยากนำเสนอร้านนี้เพราะว่า เพื่อนผมที่เป้นคนท้องถิ่นแนะนำมาครับ
ราคาต่อหัวประมาณ 2,000 – 3,000 Yen ครับ

ร้าน Fukuroutei
ร้านไม่ใหญ่มากครับ แต่พนักงานบริการดี คล่องแคล่ว ว่องไว แนะนำได้ดี ตามแบบฉบับของญี่ปุ่น
ร้านเปิด 17:00 – 22:30 น. นะครับ
อย่าลืมโทรจอง +81-11-512-6598
แผนที่ตามข้างล่างนี้ครับ

สรุปโปรแกรมวันแรกของผม
สนามบินนาริตะ ➡ สนามบินนิวชิโตเสะ (ฮอกไกโด) ➡ Mitsui Outlets ➡ Mercure Sapporo Susukino ➡ เนื้อเจงกิสข่านที่ Fukuroutei

ฝากติดตามต่อต่อไปด้วยนะครับ

สุดท้ายขอฝาก
Facebook: nontdesign
IG: nontdesign
Twitter: nontdesign

ขอบคุณครับ
นนท์