ท่องเที่ยวต่างประเทศ [28]
มาถึงตอนที่ 3 แล้วครับ สำหรับทัวร์ฮอกไกโดของเรา
ผมจะทวนสำหรับ 2 ตอนแรกก่อนนะครับ
ตอนที่ 1 = วันแรก
สนามบินนาริตะ ➡ สนามบินนิวชิโตเสะ (ฮอกไกโด) ➡ Mitsui Outlets ➡ Mercure Sapporo Susukino ➡ เนื้อเจงกิสข่านที่ Fukuroutei ➡ โรงแรม Mercure Sapporo
สามารถกลับไปอ่านได้ที่ www.nontdesign.com/hokkaido-1/
ตอนที่ 2 = วันที่ 2 ขับรถไป Otaru
โรงแรม Mercure Sapporo ➡ รับรถเช่า ที่ Nippon rent a car- Sapporo Station Chuo ➡ Otaru Music Box Museum ➡ LeTAO ➡ คลองโอตารุ ➡ Sankaku Market ➡ Yamamoto Sightseeing Orchard ➡ ภูเขาโมอิวะ (MT. Moiwa) ➡ ตรอกราเมน ➡ โรงแรม Mercure Sapporo
สามารถกลับไปอ่านได้ที่ www.nontdesign.com/hokkaido-2-otaru/
สำหรับตอนที่ 3 ผมจะพาไปลุยฟาร์มดอกไม้กันครับ
และดอกไม้นี่แหละครับคือตัวเอกของ ฮอกไกโดหน้าร้อน 🌺🌼🌞🎎🎐
ตอนที่ 3 = วันที่ 3 ขับรถไป Furano ค้าง 1 คืน
โรงแรม Mercure Sapporo ➡ ไป Furano ➡ Saika-No-Sato ➡ Farm Tomita ➡ Teuchisoba Mansaku ➡ Flower Land Kami Furano ➡ Hinode Park ➡ Mild seven no Oka ➡ Patchwork road ➡ Blue Pond ➡ Yumoto Shirogane Onsen Hotel
แต่ผมจะขอเสนอตอนที่ 3 แค่ โรงแรม Mercure Sapporo ➡ ไป Furano ➡ Saika-No-Sato ➡ Farm Tomita ➡ Teuchisoba Mansaku
เช้าของวันที่ 3 เราออกจากโรงแรม Mercure Sapporo แต่เช้าเลยครับ เพราะ เมืองฟุราโน (Furano) นั้นค่อนข้างไกล จากซัปโปโรไปนั้นใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมงครึ่ง ผมนับแค่ไปถึง สถานีรถไฟฟุราโน (Furano Station) นะ ซึ่งจากสถานีฟุราโนยังต้องขับไปต่อยังฟาร์มต่าง ๆ อีกครับ

ฟาร์มแรกที่เราจะไปนั่นคือ Saika-No-Sato ฟาร์มนี้เปิดตั้งแต่ 08.00 น. ผมเลยออกตัวจากซัปโปโรตอน 06.00 น. ใส่เบอร์ 0167-44-2855 ที่ GPS
เราจะวิ่งไปตาม ถนนทางหลวงหมายเลข 237 จำเลขไว้เลยครับ และด้วยที่มีฟาร์มมากมายตั้งอยู่ข้างถนนนี้ จึงถูกขนานนามว่า ถนนสายดอกไม้ (Flower Drive)

ทีมของเราถึง ไซกะ โนะ ซาโตะ (Saika no Sato) ประมาณ 8 โมงครึ่งครับ จอดรถที่ลานจอดแล้ว ก็เดินขึ้นไปชมได้เลย ฟรีครับ ซึ่งสวนนี้เป็นส่วนหนึ่งของ ฟาร์มซาซากิ(Sasaki Farm) ครับ ซึ่งเป็นฟาร์มที่ใหญ่ที่สุดในฮอกไกโดด้วยนะครับ และมีดอกไม้สลับเปลี่ยนหมุนเวียนกันอวดโฉมตามฤดูกาลไปเรื่อย ๆ ครับ
เราแวะกันที่ร้านขายของที่ระลึกตั้งหลักก่อน ที่เข้าก่อนเลยเพราะแดดร้อนมาก ขอเข้าไปตากแอร์ฯ ก่อน 😅 ภายในมีของที่ระลึกมากมาย แบบทั่วไปก็เสื้อผ้า กระเป๋า หมวก ร่ม ที่พิเศษหน่อยก็พวกเครื่องกลิ่นหอม ชากลิ่นลาเวนเดอร์
วางแผนในห้องแอร์ฯเย็น ๆ สักพัก ว่าตรงไหนของสวนดอกลาเวนเดอร์บานเยอะ เราจะพุ่งตรงไปตรงนั้นเลย

สนนราคาช่อละ 200 เยนครับ

ลาเวนเดอร์ในสวนจะบานไล่ ๆ กันไปครับ ตรงที่บานแล้วก็จะเปลี่ยนทั้งเนินเขาให้เป็นสีม่วงและมีสีเขียวแทรกมานิดหน่อย ถ้ายังบานไม่เต็มทีก็จะเป็นเขียวแซม ๆ สีม่วง หาว่าเดินขึ้นไปด้านบนสุดมองลงมาก็จะเห็นวิวภูเขา สวยงามมาก แบบอยากให้ทุกท่านไปเห็นเองเลยครับ ซึ่งทางฟาร์มจะมีช่อดอกลาเวนเดอร์เล็ก ๆ ขายอยู่ช่อละ 200 เยน หรืออนากสัมผัสประสบการณ์เก็บดอกลาเวนเดอร์ ทางฟาร์มก็จะพาเราไปเก็บ สนนราคาค่าบริการ 700 เยนนะครับ อย่าไปเก็บเองน้าาาา 😆






สถานีต่อไปของเรา ฟาร์ม โทมิตะ (Farm Tomita) ฟาร์มนี้ดังมากเลยครับ ถ้าพูดถึงฮอกไกโดแล้ว ต้องมีชื่อโทมิตะ รวมอยู่ในสถานที่ท่องเที่ยวที่ต้องไปเยือนให้ได้สักครั้ง



เราถึงที่ฟาร์มประมาณ 9.45 โมงเช้า คนก็เยอะมาก ๆ แล้วครับ Hot Hit จริง ๆ แต่ก็สวยสมที่หวังไว้เลยครับ ซึ่งฟาร์มจะจัดแสดงดอกไม้หลากสีแล้วแต่ฤดูครับ ก็ค่อย ๆ เดินขึ้นเนินไปด้านบน พกน้ำเปล่าไปด้วยก็จะเยี่ยมเลยครับ คือร้อนมาก ๆ และเดินขึ้นค่อนข้างไกล หากมีเวลาและต้องการเน้นฟาร์มนี้จริง ๆ ก็แนะนำว่าให้มาถึงตั้งแต่ 8.30 น. เลยจะได้ร้อนน้อยหน่อย คนก็น้อยด้วยครับ
ภายในฟาร์มยังร้านขายของที่ระลึก มีแกเลอรี่รูปดอกไม้ มีขายเครื่องดื่ม ขนม อยากให้ลองชิมขนมหรือเครื่องดื่มที่ทำจากเมล่อนครับ ที่ดีเลยคือการแบบสดครับ กลิ่นหอมมาก ๆ แต่รสจะหวานน้อยกว่าที่บ้านเรานิดหน่อย และยังมีผักตามฤดูกาลจำหน่ายอีกด้วยครับ แค่เดินเฉพาะตรงนี้ ก็ต้องใช้เวลาสักครึ่งชั่วโมงแล้วครับ

(ม่วงไปทั้งเนินไม่แพ้ฟาร์มเมื่อกี้)





11.45 น. ล้อรถของชาวคณะ NontDesign ก็หมุน ออกตัวจากฟาร์มโทมิตะ ไปกินอาหารมื้อเที่ยงครับ สาเหตุที่ต้องรีบออก เพราะร้านที่เราจะไปกินนั้น คนกินเยอะมากเลยครับ เปิดตั้งแต่ 11 โมงถึงบ่าย 4 แต่บางทีไปบ่าย 2 ก็หมดแล้วนะครับ อดกิน ทางที่ดีคือต้องไป 11 โมงเลยครับ
หากท่านผู้อ่านอยากใช้เวลาในการดูดอกไม้มากหน่อย ก็กินแถว ๆ สถานี Naka Furano ได้ครับ ของอร่อย ๆ เยอะเลยครับ แต่ถ้าไหว ตามเรามาครับ
ผมจะพาไปกิน โซบะ (Soba) ที่ร้าน Teuchisoba Mansaku ปกติ ผมไม่ชอบโซบะเอาซะเลย ผมมีแข็ง ๆ ไม่ค่อยอร่อยเลย สำหรับผมนะ แต่ร้านนี้ รับรองว่าสุดยอด เส้นดีมาก นุ่ม ไม่แข็ง กำลังพอดี เครื่องเคียงก็เข้ากับเส้นมาก ๆ
ผมไปถึงร้านประมาณเที่ยงตรงครับ รถจอดเต็ม ไม่มีที่จอดเลย อย่ารอจนได้ที่จอดนะครับ ส่งตัวแทนเข้าร้านไปก่อน จองคิวเลย หรือหมดแล้วก็จะได้ย้ายตัวเราไปกินที่อื่นครับ
เมนูในร้านเป็นภาษาญี่ปุ่นหมด พนักงานพอพูดภาษาอังกฤษได้ เราก็ชี้ ๆ ไปครับ ประมาณให้เลือกประเภทโซบะก่อนเช่น เทมปุระ เต้าหู้ โมจิ แล้วเลือกแบบเย็น หรือร้อน (ใส่น้ำซุป) ต้องลองสั่งกันดูครับ ผมจะอธิบายเท่าที่อธิบายได้ครับ บางอันก็ไม่รู้เรียกชื่อเมนูว่าอะไร 🤔
โซบะเทปุระเย็น ครับ เป็นเส้นโซบะเย็นพร้อม เทมปุระเต้าหู้ โรยด้วยแป้งเทมปุระทอดกรอบ แนมด้วยผักต่าง ๆ เช่น สาหร่าย หัวไชเท้า ก่อนทานราดด้วยซอส
โซบะเต้าหู้เย็น คล้ายกับ โซบะเทปุระเย็น แต่เปลี่ยนจากเทมปุระเต้าหู้ เป็น เต้าหู้ทอด หั่นเป็นชิ้น



แต่เป็นแบบร้อน น้ำซุปอร่อย หอมมากเลยครับ

ผมไม่แน่ใจเรื่องชื่อเมนูนะครับ


ต้องคีบเส้นลงชุบในน้ำซอส แล้วค่อยกินครับ
ถึงแม้ว่าปริมาณแต่ละจานจะไม่เยอะมาก แต่เล่นเอาจุกเลยแหละครับ ผมกลัวว่าน้อง ๆ จะไม่อิ่มกัน เลยสั่งมาเพิ่มอีก 2 จาน สรุปเกือบกินไม่หมดครับ
จบตอนที่ 3
ฝากติดตามต่อต่อไปด้วยนะครับ
สุดท้ายขอฝาก
Facebook: nontdesign
IG: nontdesign
Twitter: nontdesign
ขอบคุณครับ
นนท์