วันนี้ผมจะพาท่านผู้อ่านไปกินกาแฟเจ้าดัง แก้วเดียว ราคากระเป๋าเหี่ยว ในตอน
สั่งกาแฟ Starbucks แก้วเดียว 520 บาท
ทำยังไง ไปดูกัน 👇👇👇
ขออธิบายก่อนว่า แก้วเดียวราคา 520 บาท เนี่ย เป็นกาแฟดำครับ ไม่ได้ add อะไรเพิ่มเลยนะครับ อย่าเพิ่งกดปิดไปนะครับ ท่านอาจจะผิดหวังที่ไม่มีสูตรปั่นเจ๋ง ๆ ราคาสุดคุ้มมานำเสนอ แต่หากลองหาสิ่งที่พอจะเพิ่มได้ เช่น เพิ่มไซรัป (ที่ไม่ใช่ไซรัปคลาสสิก) เพิ่มวิปครีม เพิ่มเมล็ดทับทิม (pomegranate) ราคามีถึงเกือบ ๆ 600 บาทแน่ และไม่ได้สั่งได้ทุกสาขานะครับ ไม่ได้หากินง่าย ๆ ด้วย และมีแค่ช่วงนี้ด้วย ไม่รู้จะมาอีกเมื่อไหร่ เจ๋งมั้ย จะเสียตังแล้ว ยังต้องพยายามอีก และที่สำคัญโปรโมชั่น 1 แถม 1 ก็ไม่ร่วม แก้วฟรี ก็ใช้ไม่ได้ด้วยครับ 🤑
เริ่มจาก เดินเข้า ร้าน Starbucks ครับ (อย่าวิ่งนะครับเดี๋ยวล้มไป 😂 ) ต้องเป็นสาขา ที่เป็น Starbucks Reserve™ เท่านั้นนะครับ ไม่แนะนำให้ drive thru ด้วยครับ เพราะต้องใช้เวลาในการรังสรรเมนูสำหรับราคา 520 บาทนี้อย่างดีที่สุด
ไปที่เคาท์เตอร์เพื่อทำการสั่งกาแฟ สั่งว่า จาไมก้า ส่วนจะร้อนหรือเย็นก็ว่าไป size ก็ตามต้องการเลยครับ
สั่งแบบผมก็ จาไมก้า เย็น แก้วใหญ่ ราคา 520 บาท ชำระเงิน แล้วก็เดินไปนั่งรอตรงปลายบาร์ หรือจะไปนั่งตรงหน้าเครื่อง ชงแบบ pour over (มีชื่อเรียกหลายแบบ แต่คนไทยมักจะเรียกกันจนติดปากว่า ชงแบบ drip ครับ) ซึ่งจะมีที่ชงตั้งไว้ มีเก้าอี้นั่งแบบเคาท์เตอร์ สักพักพนักงานจะเดินมาชงกาแฟให้เราตรงนั้นเลย

อะไรคือ จาไมก้า เย็น แก้วใหญ่ ???
มาดูกัน
และกาแฟนี้ ตำรวจ ทหาร ไม่ค่อยกินนะครับ
เพราะ จ่า ไม่ กล้า (ตึกโป๊ะ) 😒
- เย็น หรือ ร้อน อันนี้แล้วแต่ชอบเลยครับ คือชงแบบเดียวกันเลย แบบเย็นก็นำมาใส่น้ำแข็งครับ (ไม่ได้ใช้เครื่องชงแบบ Cold Drip นะครับ) ซึ่งตามทฤษฎีแล้วควรจะกินร้อนมากกว่า เพราะจะได้รับรส กลิ่น ของกาแฟได้ดีกว่า กาแฟเย็นจะทำให้ได้กลิ่นน้อยมากหรือหายไปเลย ส่วนตัวผม ชอบเย็นครับ นาน ๆ จะกินร้อนสักที ส่วนกลิ่นนั้นเวลาชงก็รับรู้เพียงพอแล้ว ชงทีหอมไปทั่วเลยนะครับ ซึ่งกลิ่นมีผลต่อผมนะ หอมแบบผมชอบ ก็ได้คะแนนไปเกือบ 40% แล้ว สำหรับผมนะ
ซึ่งในปริมาณของกาแฟที่ใช้ชงนั้น ร้อนกับเย็นจะเท่ากันครับ แต่ปริมาณที่ชงเสร็จแล้วแบบเย็นจะได้น้อยกว่าครับ เพราะแบบเย็นก็จะต้องเข้มข้นกว่า - ราคา เย็น หรือ ร้อนเท่ากันครับ ไล่จากเล็กไปใหญ่ 465 บาท, 480 บาท, 500 บาท, 520 บาท เหมือนว่าเย็นจะเริ่มจาก 480 บาทนะครับ
- ต่อไปคือ เมล็ดกาแฟ ตัวนี้ คือ Jamaica Blue Mountain ชื่อนี้บ่งบอกถึงสถานที่มาครับ คือมาจาก เทือกเขาบลูเมาท์เทน ประเทศจาไมก้า
ผมจะเริ่มรีวิวก่อน ก่อนที่จะรู้จักกับเมล็ดกาแฟนะครับ
ผมรอ บาริสต้า ค่อย ๆ เทน้ำร้อนที่พักทิ้งไว้ครู่หนึ่ง ลงไปในกรวยจนท่วมกาแฟที่บดไว้ แล้วปล่อยให้น้ำร้อนไหลผ่านพร้อมกับดึงรสชาติกาแฟออกมา อย่างใจจดใจจ่อว่า 520 บาทของเราจะรสชาติแบบไหน

ออกตัวก่อนว่า ผมเป็นคนที่ชอบกาแฟ แบบสดชื่น กินแบบเย็นนี่ จะเย็นไปทั่วทั้งปาก พอกลืนลงไปเพดานปากยังรู้สึกเย็น สดชื่น ไม่ขมทรมาน มีรสผลไม้ ติดเปรี้ยวพอชื่นใจ พวก Kenya, Nicaragua, Guatemala ผมจะไม่ชอบกาแฟเข้ม ๆ ครับ บอดี้หนักอึ้ง เวลากินลงไปแล้วได้กลิ่นดิน ๆ รสชาติขมค้างในปากนาน ๆ


ตอนที่ บาริสต้า เพิ่งบดกาแฟเสร็จก็เริ่มได้กลิ่นแล้วนะครับ หอมนุ่มนวลดี
เมื่อเริ่มชิมเข้าไป ทำปากแจ๊บ ๆ พยายามรับรสให้มาก สัมผัสกับทุกบาทที่เสียไป (มีคนสงสัยว่ากาแฟมีรสยังไง ไม่น่ามีรสอื่นนอกจากรสขม อธิบายยากครับ ต้องลองมากินดูนะครับ) นุ่มมาก ลื่นคอ กินสบาย กินได้เรื่อย ๆ เลย รับรสโกโก้ได้เล็กน้อย กลมกล่อมมาก ที่ผิดคาดเล็ก ๆ คือ สดชื่นน้อยไปหน่อย
ผมเคยกิน Jamaica Blue Mountain นี้ที่ประเทศญี่ปุ่น มันสดชื่นกว่านี้นะ แต่รสชาติจากที่พอนึกได้ค่อนข้างใกล้เคียง
สรุปง่าย ๆ คือ ลองดูสักแก้วก็ไม่เสียหาย คุณอาจจะเปลี่ยนมาชอบกินกาแฟดำ สดชื่น ๆ แบบผมก็ได้นะครับ ถ้าชอบกาแฟแบบใส่นม ลองกินแบบไม่ใส่ดูก่อนครับ แล้วขอนมสดจากบาริสต้าได้ครับ เติมลงไปเล็กน้อย หรือจะใส่ไซรัปสักนิดก็ไม่ว่ากัน บางทีผมก็ใส่ไซรัปวานิลลานะ ลองกินปกติก่อน พรุ่งนี้สั่งใหม่ลองใส่ดู แต่ตัวนี้ราคาสูง ไม่กล้าสั่งอีกแก้วมาลองใส่ แต่ถ้าหวังว่าจะกินแล้วทำให้ไม่ง่วงนอน คึกคักไปทั้งวัน ผมว่าแพงไป ซื้อเครื่องดื่มชูกำลังได้หลายสิบขวดเลยครับ 😅

ซึ่งไอเจ้า Jamaica Blue Mountain ว่ากันว่าเป็น กาแฟที่ราคาแพงที่สุดในโลก ต้องมาจากกาแฟสายพันธุ์ทริปิก้า (Tripica) ปลูกในเขาภูเขาสูงของประเทศจาไมก้า และไม่ใช่ทุกไร่นะครับที่เก็บเกี่ยวได้แล้วจะเรียกตัวเองว่าเป็น Jamaica Blue Mountain ต้องเป็นไร่กาแฟที่ได้รับการรับรองด้วยครับ คือจะต้องปลูกในที่สูงกว่าระดับน้ำทะเลระหว่าง 3,000 – 5,000 ฟุตเท่านั้น เป็นพื้นที่ลาดชายเขา ระบายน้ำจากฝนตกได้ดี อากาศเย็น แสงดี และนี่จึงเป็นที่มาของความแพง ระดับ 10,000 – 20,000 บาทต่อกิโลกรัมเลยครับ แปรผันตามภูมิประเทศของไร่ และปริมาณการนำเข้าครับ ซึ่ง 90% ของผลผลิตไปอยู่ที่ประเทศญี่ปุ่น

และที่สตาร์บัคส์ ขายที่ถุงละ 4,000 บาท ต่อ 250 กรัม ครับ สนนราคา + – แล้ว อยู่ที่ 16,000 บาทต่อกิโลกรัม แต่ๆๆๆๆๆๆ ช้าก่อน ซื้อ 4 ถุง แถม 1 ถุงนะ คือเราจะเสีย 16,000 บาท ได้มา 1.25 กิโลกรัม อายุเมล็ดกาแฟเฉลี่ย ถึงเดือนเมษายนนะ อย่ารอช้า


หากเจอกาแฟที่ใดขาย Jamaica Blue Mountain แก้วละ 30 บาท ให้คิดไว้ก่อนว่า อาจจะเป็นชื่อเมนูของกาแฟแก้วนั้น ๆ คล้าย ๆ ลูกชิ้นปลาเยาวราช อาจจะซื้อจากปทุมธานี ประมาณนั้นครับ คือกาแฟจาก Kenya ชงเสร็จตั้งชื่อนี้ ก็เป็นได้ หรือหากจะมีผู้ใจดี ซื้อกาแฟกิโลกรัมหลักหมื่นมาชงขายหลักสิบ เจอที่ไหนรบกวนชวนผมไปกินด้วยนะครับ

สุดท้ายขอฝาก
Facebook: nontdesign
IG: nontdesign
Twitter: nontdesign
ขอบคุณครับ
นนท์