ท่องเที่ยวต่างประเทศ [38]
ตอนที่ 38 นี้เราจะพาท่านผู้อ่านกลับไปที่ กรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น กันครับ พาไปชมสุดยอดพิพิธภัณฑ์ที่มีผลงานศิลปะจัดแสดงไว้มากมาย บอกได้เลยว่า รับรองความตื่นตาตื่นใจ ถ้ามีโอกาสได้เข้าไปชมแล้ว แทบจะไม่อยากออกมาเลยครับ
พาลุย teamLab ทั้ง 2 แห่ง ที่ Tokyo
🌊 ทำไมน้าาาาาา ผมถึงรับรองถึงความตื่นตาตื่นใจของสถานที่แห่งนี้ ?
เพราะว่าที่ teamLab นี้ ไม่ใช่พิพิธภัณฑ์ที่แสดงผลงานศิลปะธรรมดา แต่เป็นศิลปะแบบดิจิทัล ซึ่งมีคำเรียกพิพิธภัณฑ์นี้ว่า DIGITAL ART MUSEUM
🌊 แล้ว teamLab คืออะไร?
ง่าย ๆ เลย คือเป็นกลุ่มคนกลุ่มหนึ่ง รวบรวมคนในสาขาต่าง ๆ มาร่วมกันทำงานศิลปะในแบบดิจิทัลแทนที่จะวาดลงบนผืนผ้าใบ
🌊 แล้วไงต่อ?
จากนั้นพวกเขาก็เริ่มแสดงผลงานไปเรื่อย ๆ ครับ เคยมาจัดที่ไทยตอนปี 2016 ด้วยนะครับ และที่ผมจะพาไปเที่ยวนั้น เป็นพิพิธภัณฑ์แบบถาวร ตั้งอยู่ โอไดบะ (Odaiba) โดยร่วมกับ MORI Building จึงมาเป็น MORI Building DIGITAL ART MUSEUM: teamLab Borderless
ที่นี่แหละครับ จะเป็น teamLab ที่ผมพาไป เรียกสั้น ๆ คือ teamLab Borderless
ถ้าดูจากชื่อแล้ว คือ เราจะไป พิพิธภัณฑ์ศิลปะดิจิทัลแบบไร้ขอบเขต กันครับ
🌊 ทำไม nontdesign ถึงบอกว่า 2 แห่ง?
มี 2 แห่งจริง ๆ น้าาาาา มีคนไม่เชื่อผม ที่แรกคือ teamLab Borderless ร่วมกับ MORI Building อีกแห่งหนึ่ง ร่วมกับ DMM.com ตั้งชื่อว่า teamLab Planets ซึ่งเพิ่งเปิดเมื่อเดือนตุลาคม ปี 2018 ผลงานบางส่วนก็คล้าย ๆ ที่ teamLab Borderless แต่ที่ Planets ต้องถอดรองเท้าด้วย (ฟังดูเจ๋งใช่ไหม เดี๋ยวจะเล่าให้ฟังว่าทำไมต้องถอด) ซึ่งผมถ่ายรูปเท้าเปล่าถ่ายที่ Planets ลง IG มีคน inbox ถามว่า ทำไมถอดรองเท้าเดินที่ Planets โอ้ยยยย โดนว่าซะงั้น 🙄
🌊 จะไปต้องทำไง?
ก่อนจะพาตัวไปที่กรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น ต้องซื้อตั๋วก่อนครับ ซื้อจากที่ไทยเลยนะ ย้ำ!!! ซื้อทาง Online ไปเลย ก่อนจะจองโรงแรมยิ่งดี เพราะคิวเยอะ วันที่เราวางแผนไว้ อาจจะเต็มได้
ซื้อตั๋วคลิก 👇👇👇
teamLab Planets
teamLab Borderless
🌊 ลำดับการไป ไปอะไรก่อน ยังไงดี?
ผมไป 2 ที่ในวันเดียวกันเลย ทำตามนี้ได้เลย ผมว่าโอเคอยู่ 😳
ผมเลือกไปที่ Planets ก่อน เลือกรอบเช้าสุด 10 โมงเช้าเลย กินข้าวเช้าอัดไปให้อิ่ม (ภายในไม่มีของกินขายนะครับ มีด้านหน้านิดหน่อย) จากนั้นไปหาข้าวเที่ยงกินที่ Palette Town หรือ Diver City แล้วไป Borderless ต่อ
ที่ไป Planets ก่อน เพราะว่า ที่ Planets เล็กกว่าครับ ใช้เวลาประมาณ 2-3 ชั่วโมงก็เดินทั่วรวมถ่ายรูปครับ จะได้ออกมากินข้าวเที่ยงพอดี ไม่หิวจนหมดแรง และ Borderless มีคาเฟ่ บ่าย ๆ แวะจิบเครื่องดื่ม พักเหนื่อยได้ครับสามารถเดินได้ยาว ๆ ไปจนถึงดึก
🌊 ควรรู้อะไรอีก?
ควรใส่เสื้อสีขาวครับ หรือสีอ่อนก็ได้ครับ ไม่มีลายนะครับ จะยิ่งดีเลย ถ้าใส่สีดำล้วนก็ได้ แต่แนะนำสีขาว
อย่าใส่กระโปรงครับ มีกระจกที่พื้นนะครับ มันสะท้อน 😳
หากไป Planets ด้วย ควรใส่กางเกงที่เราสามารถพับขึ้นมาได้เกินเข่า (มีบริการกางเกงให้ยืมเปลี่ยน)
งั้นเราไปถอดรองเท้าเดินชมพิพิธภัณฑ์กันก่อนที่
teamLab Planets
บอกก่อนเลย ที่นี่จะเปิดให้บริการถึงปี 2020 นะครับ อาจจะขยายเวลา ยังไงไปเช็คกันได้ที่ https://planets.teamlab.art/tokyo/ ได้เลยครับ
ซึ่งผมอยากให้อ่านจนจบนะครับ แต่ละผลงานมีความหมายดีมาก ๆ ซึ่งผมอาจจะถ่ายทอดได้ไม่ดีเท่าที่ศิลปินอยากจะสื่อสาร คิดเองเออเองบ้าง ตามที่ผมพอจะเข้าใจ แต่ก็พอจะเป็นไกด์ได้เล็ก ๆ น้อย ๆ ครับ หากไปชมเองจะเข้าใจขึ้นมาก ๆ เลย ครับ
ให้เราขึ้นรถไฟไปลงที่ Shin-Toyosu Station ลงจากสถานีไปคือต่อแถวเข้า teamLab Planets เลยครับ ใกล้มาก ๆ 👏🏻

เมื่อเข้าไปด้านใน จะมีจุดให้เราถอดรองเท้าและถุงเท้าออกก่อนนะครับ ส่วนท่านที่กางเกงเลยเข่า พับไม่ได้ เขาจะมีกางเกงให้ยืมครับ แล้วเราก็ทำการเก็บโทรศัพท์ของเราเข้าถุงที่เขาแจกมาครับ คล้าย ๆ ถุงเล่นสงกรานต์ ทำเช่นนั้นทำไมหรอ ก็เพราะว่าเราจะจะต้องชมการแสดงศิลปะบางช่วงบางตอนที่ต้องลุยน้ำครับ หูยยยยยยย น่าตื่นเต้นมั้ยละ
จากนั้นก็นำของเก็บเข้า Locker เลยครับ ผมเอาโทรศัพท์ไปอย่างเดียว (รูปในเว็บนี้ส่วนใหญ่ก็มาจาก iPhone 6 ในมือผมเนี่ยแหละคร้าบบบบท่านผู้ชม) ซึ่งด้านใน มืดมาก ๆ ต้องขออภัยจริง ๆ ครับ



เข้าไปด้านในเราจะได้รับการต้อนรับด้วยการเดินลุยน้ำเล็กน้อยก่อนเป็นการล้างเท้าไปในตัว ผมคิดว่างั้นนะครับ 😁 และจะพบกับผลงาน 👉🏼 Waterfall of Light Particles at the Top of an Incline ซึ่งได้รับแรงบันดาลใจจากน้ำตกที่ภูเขาชิโกกุ (shikoku) ที่แสดงแสง สี เสียง กับน้ำ เข้ากับคอนเซ็ปท์ได้อย่างดีเลยครับ


จากนั้นจะเป็นห้องที่เต็มไปด้วยหมอนใบหญ่ยวบ ๆ ชื่อผลงานคือ 👉🏼 Soft Black Hole คอนเซ็ปท์คือ ร่างกายของเราเนี่ยจะส่งผลกระทบไปที่คนอื่นครับ
คือ เมื่อเราเดิน น้ำหนักเราจะทิ้งลงไปที่พื้นครับ พื้นจะยวบ ทำให้คนอื่นนั้นเดินลำบาก อาจจะเซ หรือล้ม ได้ นั่นคือเราเดินบนพื้นราบจนชินครับ แต่ในธรรมชาตินั้นไม่มีพื้นราบ ดังนั้นพื้นจะเปลี่ยนแปลงตามน้ำหนักเราส่งผลกระทบไปที่คนอื่น ดังนั้นเราควรจะตระหนักถึงมวลกายเราให้มากขึ้นครับ
ผลคือ เดินยากฉิบหายเลยครับ ไม่ทันได้ตระหนักอะไรทั้งนั้น คนอายุเยอะ ๆ ต้องระวังเลยนะครับ ลุกขึ้นลุกลงลำบากมาก ควรเดินชิดด้านข้างไว้ ตรงกลางอาจจะโดนเหยียบเอาง่าย ๆ เลย ซึ่งไม่มีรูปให้ดูนะครับ แค่เดินให้ผ่านก็ลำบากแล้วครับ 😂

ผลงานต่อไปคือ 👉🏼 The Infinite Crystal Universe อันนี้คงเห็นบ่อย ๆ เลยครับ ถือเป็นจุดที่มีคนถ่ายรูปเยอะมาก ๆ ทั้งที่ teamLab Planets และ teamLab Borderless คือหลอดไฟ LED หลากสี จำนวนมากมายนับไม่ถ้วน เยอะมาก ๆ และยังหลอกความเยอะเข้าไปอีก ด้วยพื้น เพดานและผนังที่ทำจากกระจก ซึ่งหากแปลจากชื่อผลงานแล้วจะได้ว่า จักรวาลคริสตัลที่ไม่มีสิ้นสุด (ก็ใช่จริง ๆ นะครับ)

ที่สำคัญคือ หลอดไฟจะผสมสีแตกต่างกันตามจุดต่าง ๆ ซึ่งขึ้นกับการเคลื่อนไหวของผู้เข้าชมครับ เจ๋งสุด ๆ ไปเลย ลองเดินไปเดินมาแล้วสังเกตดูได้เลยครับ
และเรายังสามารถเปลี่ยน Artwork ของห้องนี้ด้วยตัวเองผ่านทาง App teamLab ได้ด้วยครับ App จะจับจุด GPS ที่เราอยู่ ถ้าเราอยู่ในห้องนั้น ก็เลือกรูปแบบ แสง สี ได้เลยครับ ว้าวมาก ซึ่งความหมายของห้องนี้คือ การเปลี่ยนแปลงของผู้คนอย่างต่อเนื่องและตลอดไป ไม่มีที่สิ้นสุดนั่นเองครับ


อย่าใส่กระโปรงนะครับ
ต่อไปคือห้องน้ำปลาครับ
เดี๋ยว ๆ ไม่ใช่น้ำปลาที่ใส่อาหารนะ คือผมเรียกเองครับ ชื่อจริง ๆ ของผลงานนี้คือ 👉🏼 Drawing on the Water Surface Created by the Dance of Koi and People – Infinity (ยาวจัง)
หากแปลตรง ๆ เลย คือ การวาดภาพบนผิวน้ำ แต่ไอตรง Created by the Dance of Koi and People – Infinity เนี่ย คือไรอะ ก้อยเต้น หรือจะเป็น โคอิ แดนซ์ ที่แสนโด่งดังจากละครเรื่อง Nigeru wa haji daga yaku ni tatsu ที่ญี่ปุ่น เตรียมตัวลงไปเต้นในน้ำเลย
เมื่อเราเข้าไปในห้อง จะเห็นห้องที่มีน้ำและมีปลาคาร์ฟว่ายอยู่เต็มห้องเลย เมื่อปลาคาร์ฟชนกับเรา ตัวปลานั้นจะแตกกระจายกลายเป็นดอกไม้ (ดอกไม้เปลี่ยนไปตามฤดูกาลด้วยนะ) เกิดเป็นภาพบนผิวน้ำที่สวยงามมาก ๆ ตกใจเลย
เฮ้ย!!! เอาใหม่ ค่อย ๆ วิ่งเข้าปลา (น้ำจะได้ไม่กระเพื่อมแรง) ชนปั๊ป บูมมมม กลายเป็นดอกไม้กระจายออกจากตัวเรา ทำให้ร้อง อ๋อ!!! 😍 ทันที นี่มันคือ ภาพวาดที่เกิดจากการว่ายของปลาคาร์ฟและตัวผู้เข้าชมนั่นเอง คราวนี้ผมลองยืนเฉย ๆ เอาร่างกายใหญ่ ๆ ของเราแทนผิวน้ำ ขยับตัวเล็กน้อย บูมมมมมม ดอกไม้กระจายเต็มตัวเลยจ้า สวยงามมาก

👉🏼 Cold Life คือชื่อผลงานในห้องถัดไปครับ มีที่นั่งให้ดูกันชิลล์ ความยาวตั้งแต่ต้นจบประมาณ 7 นาทีนิด ๆ ครับ ซึ่งผลงานนี้เป็นการเขียนพู่กันประดิษฐ์ตัวอักษรในพื้นที่นามธรรม และเมื่อเวลาผ่านไปผีเสื้อ นก ดอกไม้ ต้นไม้ จะปรากฏขึ้นจากการประดิษฐ์ตัวอักษรครับ
ความหมายก็จะประมาณว่า ความก้าวหน้าทำให้เกิดผลกระทบกับธรรมชาติ ทั้งเชิงบวกและเชิงลบ ไม่มีความชั่วร้ายที่แท้จริงและความดีที่แท้จริงครับ ทุกอย่างเชื่อมโยงกัน เราก็ต้องเผชิญกับสิ่งต่าง ๆ และดำเนินต่อไปครับ

ผลงานต่อมาคือ 👉🏼 Expanding Three-Dimensional Existence in Transforming Space – Flattening 3 Colors and 9 Blurred Colors, Free Floating ชื่อยาว ๆ แบบนี้จำยากมากเลย เรียกง่าย ๆ ว่า ห้องบอลสี ละกันครับ
ภายในห้องนี้จะเต็มไปด้วยวัตถุทรงกลมเป็นลูกบอลปล่อยแสงเป็นสีต่าง ๆ ได้ เมื่อเราเดินผ่านลูกบอลเหล่านั้นก็จะเปลี่ยนสี เหมือนเข้าสู่อวกาศของสีสีน อีกทั้งลูกบอลนั้นสามารถเคลื่อนที่ได้อย่างอิสระ จะผลักจะดันจะชน ตีไปตีมาได้อย่างสนุกสนาน แต่ระวังอย่าให้ไปโดนคนอื่นนะครับ และบางครั้งก็จะมีลมแรง ๆ มาทำให้ลูกบอลลอยขึ้นด้านบนด้วยนะครับ
ส่วนสีของลูกบอลนั้น มีทั้งหมด 12 สีครับ ซึ่งสร้างขึ้นจากแสง แบ่งเป็น Blurred Colors 9 สีและ Flattening Colors 3 สีครับ
ห้องสุดท้ายของที่ teamLab Planets มีชื่อผลงานว่า 👉🏼 Floating in the Falling Universe of Flowers
ในห้องนี้เราจะได้เช้าไปชมจักรวาลของดอกไม้ร่วงที่ล่องลอยไปเรื่อย ๆ
เวลาเดินเข้าไปต้องระวังหน่อยนะครับ มีผู้ชมมากมายบางคนนอน บางคนนั่ง ผมก็ถือโอกาสล้มตัวลงนอน มองภาพสวยงามเบื้องหน้า สวยงาม สบาย จนแทบจะไม่อยากลุกไปไหน เพลินจนลืมถ่ายรูปมาให้ชมกัน นึกได้เลยแอบกดมา 1 ใบ ก่อนจะออกจากห้อง

เมื่อชมครบแล้ว เราก็ไปคืนกางเกง ใส่รองเท้า ถุงเท้า คืนซองใส่มือถือให้เรียบร้อย เราก็จะออกมาทางด้านหน้า เดินกลับไปขึ้นรถไฟที่ Shin-Toyosu Station ขึ้นรถไฟสาย Yurikamome ลงที่ Aomi Station ไป Palette Town ซึ่งเป็นสถานที่ตั้งของ
teamLab Borderless
เราหาอาหารเที่ยงกินแถว ๆ VenusFort ได้เลยครับ ของกินเต็มเลย ก่อนจะเดินทะลุ Megaweb Toyota City Showcase ไปตามทางเชื่อมของตึกไปยัง Palette Town เราก็จะเห็นป้าย MORI Building DIGITAL ART MUSEUM EPSON teamLab ⭐ Borderless เดินเข้าไปเลยครับ ไปถึงเราต้องไปต่อแถวเข้าที่ลานจอดรถด้านล่างอีกยาวเหยียด ผมถ่ายรูปมาด้วยนะ แต่ไม่ให้ดู อยากให้ไปสัมผัสความยาวของแถวกันเองครับ😁


หากได้ซื้อตั๋วตามที่ผมแนะนำก็เตรียม QR Code ในโทรศัพท์เราได้เลยครับ ไม่ต้องปริ้นให้ยุ่งยาก พอได้เข้าไปด้านในแล้ว ก็เลือกเข้าตามช่องได้เลยครับ เข้าไปจะมีให้เลือกเบื้องต้น 3 ช่องทาง ด้านในก็จะมีธีมของแต่ละผลงานที่แตกต่าวงกัน แต่ไม่ว่าจะเลือกทางไหนก่อนทุกทางก็ล้วนเชื่อมโยงถึงกัน สามารถเดินวนไปวนมาได้เรื่อย ๆ จนกว่าจะปิดเลยครับ
ดังนั้นผมจะแนะนำแต่ละผลงานไปเรื่อย ๆ แบบไม่ต้องเดินตามลำดับนี้นะครับ แต่แนะนำว่าควรเข้าให้ครบนะครับ จะได้ว้าวไปกับคำว่าไร้ขอบเขตของ teamLab ⭐ Borderless อย่างเต็มอิ่มจุใจ ซึ่งผมใช้เวลาในนี้ถึง 5 ชั่วโมงด้วยกัน
ผมขอเริ่มจาก Borderless World ก่อนเลย
แปลตรง ๆ คือ โลกไร้พรมแดน นั่นเองครับ
ในงานนี้จะประกอบไปด้วยหลายผลงานเลยครับ แต่ละผลงานนั้นก็จะมีการเคลื่อนไหวอย่างอิสระ เชื่อมต่อกันไปยังห้องต่าง ๆ ตามกำแพง เพดาน พื้น และมีปฏิสัมพันธ์กับผู้เข้าชมด้วยครับ
ผมขอแนะนำผลงานบางชิ้นที่เป็นห้องหลัก ๆ นะครับ เพราะมีเยอะมาก พวกห้องเล็กห้องน้อย บางผลงานต้องต่อแถวเข้าชมด้วย ถ้าอธิบายหมดต้องยาวเป็นหลายตอนแน่ ๆ เอาเป็นว่าพอเป็นไกด์ให้เดินชมได้สำหรับคนที่อยากไป ส่วนคนที่ไม่ได้ไปอ่านจบก็คล้าย ๆ ได้ไปครับ ถึงจะไม่ละเอียดแบบไปเอง
ผลงานแรกอยู่ในโถงกลางเลยครับ ชื่อว่า 👉🏼 Universe of Water Particles on a Rock where People Gather ภาพน้ำตกจำลองขนาดใหญ่ที่สร้างขึ้นจากหลอดไฟ LED กลายเป็นอนุภาคของน้ำจำนวนมากครับ รับรองความตื่นตาตื่นใจ และมีการตอบสนองกับผู้เข้าชมด้วยนะครับ ผมลองไปยืนใกล้ให้น้ำตกใส่หัว น้ำตกก็จะกระจายเหมือนหัวเราไปขวางจริง ๆ เลยครับ
ซึ่งในห้องโถงนี้ก็มีผลงานหลายชุดเลยนะครับ วนดูได้รอบตัว เข้าห้องนู้นออกห้องนี้ ลองเล่นดูกลับกราฟิกที่วิ่งผ่านเราไปได้เลยครับ เช่นมีปลาว่ายมา เราสามารถไปยืนขัดขวางฝูงปลาได้ ลองดูครับ

ต่อมาเป็น 👉🏼 Forest of Flowers and People: Lost, Immersed and Reborn ห้องนี้ก็เป็นอีกห้องนึงที่ยอดนิยมเช่นกันครับ

เราจะได้เห็นดอกไม้ที่เบ่งบานตามฤดูกาลที่เปลี่ยนแปลง ค่อย ๆ ขยับ เติบโตไปช้า ๆ
ดอกตูม ➡ เบ่งบาน ➡ เหี่ยว ➡ จางหาย ถ้าเรายืนเฉย ๆ ดอกไม้จะเบ่งบานไปเรื่อย ๆ เติบโตมากกว่าปกติ ถ้าเราไปแตะดอกไม้ก็จะแตกกระจาย กลายเป็นกลีบดอกไม้เล็ก ๆ น้อย สุดยอดไปเลยใช่มั้ยครับ

จากนั้นเราก็ทำการวุ่ยวาย วิ่งเข้าวิ่งออกตามห้องต่าง ๆ กันต่อครับ
ห้องต่อไปที่ผมแนะนำ คือเราจะเข้าไปอยู่ในรังที่ลอยอยู่กลางอากาศในผลงาน 👉🏼 The Way of the Sea, Floating Nest ซึ่งเราจะต้องต่อแถวเข้าไปที่ห้องนี้จากห้อง Forest of Flowers นะครับ
เมื่อเข้าไปเราจะต้องลงไปนอนอยู่ในรังตาข่ายขนาดใหญ่ เงยหน้ามองเพดาน ง่าย ๆ คือ นอนราบอยู่ในรังนกที่ลอยอยู่กลางอากาศ ดูเส้นกราฟิกวิ่งไปวิ่งมา มีภาพนะ แต่ไม่ให้ดู 😜 ให้ดูตอนต่อแถว

👉🏼 Memory of Topography เป็นผลงานต่อไปที่อยากให้ดูครับ เข้าไปด้านในจะเป็นแผ่นวงกลมวางอยู่บนเสา แผ่นวงกลมนั้นจะปรากฏเป็นรูปดอกไม้ต่าง ๆ เช่น ซากุระ ลาเวนเดอร์ นาข้าว สวยงามมากครับ
จริง ๆ ภาพหลัก ๆ ของห้องนี้คือ ภูมิทัศน์สวยงามของธรรมชาติที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างต่อเนื่องครับ
ผลงานต่อมาคือ คลื่นดำ ครับ 👉🏼 Black Waves – Continuous
เป็นการจำลองคลื่นน้ำในห้องที่ไม่ใหญ่มากครับ หรือจริง ๆ คือห้องใหญ่ แต่คลื่นน้ำที่สร้างขึ้นด้วยคอมพิวเตอร์นี้ยาวต่อเนื่องไปทั้งห้อง ดูมีชีวิตและเหมือนจริงมาก ๆ โอบล้อมเราไปหมดทุกด้าน เลยทำให้เหมือนห้องดูเล็ก

ต่อคือห้องของอนุภาคดาบเซเบอร์ครับ 😝 จริงไม่ใช่นะครับ แต่เป็นห้องที่เต็มไปด้วยลำแสงสีขาว ย้ายไปย้ายมา (นึกถึงเสียง วึ้งงงงงงงงง เวลามันขยายนี่ใช่เลย) คือเข้าไปห้องเดียว เราจะได้เห็นผลงานที่สร้างขึ้นจากแสงสีขาวนี้หลายผลงานเลยครับ เช่น 👉🏼 The Haze…Descent of the Gods…Light Cave

ในโซนของ Borderless World มีอีกหลายผลงานเลยครับ ผมคงอธิบายได้ไม่หมด และมี 👉🏼 Flutter of Butterflies Beyond Borders in the Crystal World ที่เป็นคริสตัลเยอะ ๆ เหมือนที่ teamLab Planets ด้วยนะครับ
ผลงานต่อไปคือเราต้องไปต่อแถวเข้าสู่โซน Forest of Lamps ซึ่งเป็นอีกหนึ่งไฮไลท์ของที่นี่เลยครับ
สังเกตง่าย ๆ คือที่แถว ๆ ยาวครับ ต่อแถวเลยครับ เราจะเดินขึ้นสู่ชั้นบน ไปพบกับ โคมไฟจำนวนมากในห้องกระจกรอบด้าน

เดินสักพักเริ่มเหนื่อยแล้ว เราไปพักจิบน้ำชากันครับ
หาบันไดทางขึ้นแถว ๆ Forest of Flowers เมื่อขึ้นถึงด้านบน เราจะสามารถแวบเข้าร้านชาชื่อว่า EN TEA ซ้ายมือได้ เข้าไปเลยครับ อย่าลังเล

ในญี่ปุ่นมีการพูดว่า “People are born from the soil, they are the children of soil.” จากคำพูดนี้ บอกว่าคนเป็นลูกหลานของดิน เหมือนกับเป็นการแอบบอกเราว่า คุณจะได้ลิ้มรสชาที่ดีที่สุดแน่นอน ทำไมผมถึงคิดแบบนั้น เพราะใบชาที่ยอดเยี่ยมนั้น ต้องเริ่มจากปลูกในดินที่ยอดเยี่ยม ซึ่งกว่าจะได้ใบชา 1 ใบนั้นต้องเริ่มจากดินที่นำมาปลูกเลยก็ว่าได้ครับ ซึ่งร้านนี้บอกเราว่า เขาได้แสวงหาชาที่ดีที่สุด ที่ปลูกในดินที่ดีที่สุด นำมาพัฒนา จนได้ชาที่ดีมาก ๆ ๆ มาให้เรากินครับ


หลังจากการพักเหนื่อยที่แสนเพลิดเพลินแล้วเราไปต่อกันที่โซน Athletics Forest
ซึ่งโซนนี้ถูกขนานนามว่าคือ พื้นที่กายภาพเชิงสร้างสรรค์ เหมาะสำหรับเด็ก ๆ เลยครับ ซึ่งผมเนี่ยชอบมาก ได้มีโอกาสตบจิ้งจกที่ผมกลัวมาก ๆ เละคามือ ไล่ตบมันเลยละครับ 😁

เราขอปิดท้ายที่โซน Future Park อยู่ด้านในลึกเข้าไปจากโซน Athletics Forest นิดหน่อย จริง ๆ แทบจะอยู่บริเวณเดียวกันเลยก็ว่าได้ครับ โซนนี้ก็เหมาะกับเด็ก ๆ เช่นเดิม ที่ผมชอบมาก ๆ เลยคือ 👉🏼 Sketch Aquarium เราจะได้วาดภาพสัตว์ทะเล ลงสีให้สวยงาม จากนั้นนำไปให้เจ้าหน้าที่ Scan ตัวประหลาด เฮ้ยยย!!! สัตว์โลกใต้น้ำของเราขึ้นจอ เข้าไปสู่ อความเรียมแบบดิจิทัล สุดยอดไปเลยครับ

ขอขอบคุณ teamLab ทั้ง 2 แห่งมาก ๆ เลยครับ
ทำได้ดีมาก ๆ เลย สุดยอดมาก ๆ
และขอบคุณผู้อ่านที่อ่านจนจบนะครับ
สุดท้ายขอฝาก
Facebook: nontdesign
IG: nontdesign
Twitter: nontdesign
ขอบคุณครับ
นนท์