ท่องเที่ยวต่างประเทศ [23]
วางแผนเที่ยวญี่ปุ่นด้วยตัวเอง (ฉบับมือใหม่)
สรุปแบบเป็นวัน ๆ ชัดเจน ในตอน
วางแผน กิน เที่ยว ช็อป แบบเยอะ ๆ ทำยังไงให้คุ้ม
“ไปญี่ปุ่นแค่ไม่กี่วัน จะไปเที่ยว + ช็อปทันไหมเนี่ย มีแพลนเยอะแยะไปหมดเลยยย”
นี่คือประโยคที่เพื่อนของก้อยบ่นก่อนที่นางจะบินไปเที่ยวที่ญี่ปุ่น
การที่มีสมาชิกร่วมเดินทางไปด้วยหลายคน ต่างคนต่างมีจุดมุ่งหมายที่แตกต่างกัน แต่จะทำยังไงให้ออกมาลงตัวที่สุดล่ะ? ได้ กิน เที่ยว ช็อป ตามความต้องการแบบทั่วถึง นี่คือคำถามที่นางมาถามก้อย เพราะตอนที่ก้อยไปญี่ปุ่นครั้งแรกก้อยก็เคยตกอยู่ในสถานการณ์นี้เหมือนกัน (เข้าใจความรู้สึกนั้นได้ดี T_T)
สำหรับ ทริปเที่ยวญี่ปุ่นทั้งหมด 6 วัน 4 คืน ของก้อยนั้น ขอสรุปแบบสั้น ๆ ให้เห็นภาพกันง่าย ๆ ก่อนแล้วกันนะคะ โดยทริปนี้จะเป็นการกิน เที่ยว ช็อปที่โตเกียวทั้งหมด แล้วหลังจากนั้นหนูจะบอกเทคนิคการวางแผนเที่ยวง่าย ๆ ซึ่งใช้ได้กับหลายประเทศเลยล่ะค่ะ
วันที่ 1
- เดินทางออกจากสนามบินดอนเมือง เวลา 23.45 น.
วันที่ 2

- ถึงสนามบินนาริตะ เวลา 08.00 น. (อันนี้เวลาโดยประมาณนะคะ)
- ไปไหว้พระที่ วัดอาซากุสะ (Asakusa Shrine)
- กินขนมจัมโบ้เมล่อนปัง ที่ ร้านคะเกะซึโด (浅草 花月堂) ชิ้นละ 200 เยน ราคาน่าร้ากกก แถมอร่อยด้วย >_<“
- กินเท็มปุระ 100 ปีที่ ร้านไดโคคุยะ (Daikokuya) ร้านที่เขาว่ากันว่าคิวยาวมากเวอร์!
- ช็อปปิ้ง ที่ ตลาดอะเมโยโกะ (Ameyoko Market)
- กิน Strawberry Whipped Cream ที่ ร้าน Marion Crepes เครปร้านนี้คือดี แต่ถ้าใครไม่ชอบความเลี่ยนอาจจะข้ามไปได้นะคะ
- ไป อากิฮาบาระ (Akihabara) ไป กดกาชาปอง ที่ Akihabara Gachapon Kaiken
- แวะไป ช็อป ที่ Don Quijote
- ไป ชินจุกุ ไป กินปิ้งย่าง ที่ Stamina – Taro ที่ BigBox Takadanobaba รสชาติอาหารกลาง ๆ ไม่ได้มีอะไรเป็นพิเศษ
- เข้าที่พัก Shinjuku Washington Hotel
- ไป ช็อป ที่ Matsumoto Kiyoshi ไปถึงตอนร้านจะปิด มีเวลาช็อปชั่วโมงเดียวเอง แต่มีลิสต์ซื้อของยาวเป็นหางว่าว
วันที่ 3

- พระราชวังอิมพีเรียล (Imperial Palace) วันนั้นแอบโชคร้าย ฝนตกค่ะทุกคนนน
- ตลาดปลาซึกิจิ (Tsukiji Fish Market) ไป กินซูชิ ที่ร้าน Tsukiji Sushi Sen เนื้อปลาของทางร้านมีความสดมากเวอร์ กินแล้วเหมือนเนื้อปลาละลายในปากเลย อร่อยย >///<
- ไป กินซ่า (Ginza) ไป ช็อปปิ้ง ที่ร้าน GU, Freitag, Longchamp ไปหลายร้านมากจนจำไม่ได้ ^ ^”
- ไป Fuji TV เดินวนเล่นในนี้ 1 รอบถ้วนแล้วก็ออกมา
- ช็อปปิ้ง ที่ Aqua City Odiba (แอบสอยรองเท้ามาได้ 2 คู่ หนึ่งในนั้นคือ Stan Smith สีชมพูที่ตามหามานานนน คู่ละ 8,000 เยนเอง สอยสิคะ รออะไร?! >_<“)
- กินชาบู ที่ร้าน Momo Paradise ที่ตึก Humax Pavilion Shinjuku Kabukicho
- กลับที่พักที่ Shinjuku Washington Hotel
วันที่ 4

- ศาลเจ้าเมจิ (Meiji Shrine)
- ช็อป ที่ ฮาราจุกุ (Harajuku) เริ่มต้นจาก ถนนทาเคชิตะ (Takeshita)
- แวะกิน ขนม Croquant Chou Zaku Zaku ที่ ร้าน ZakuZaku ร้านนี้คนต่อคิวรอซื้อขนมกันเยอะ รสชาติขนมไม่ถึงกับว้าว แต่ก็อร่อยดีนะคะ และเครปเย็นที่ร้าน Marion Crepes ร้านนี้กินแล้วก็ต้องกลับมากินซ้ำอีก แต่รู้สึกว่าสาขานี้จะหวานเลี่ยนน้อยกว่าสาขาที่ตลาดอะเมโยโกะ
- แวะช็อปที่ ร้าน Stylenanda (ที่จริงคือเดินวนหาช็อป Kanken ด้วยแต่หาไม่เจอ วนอยู่ 3 รอบ สรุปว่าช็อปตรงนั้นน่าจะปิดปรับปรุง แล้วจะวนหาเพื่อออ?! T_T)
- ไป Youtube Space
- ไป Omotesando แวะช็อปที่ร้าน Marimekko, atmos, Kiddy Land, Onitsuka Tiger
- เดินจาก Omotesando ไป Shibuya ระหว่างทางแวะร้าน Freitag (สาขานี้กระเป๋ามีให้เลือกเยอะมากกก เงินสั่นไปหมดเลย T_T”)
- กลับมาที่ ชินจุกุ (Shinjuku) ไปช็อปรองเท้าต่อที่ ร้าน ABC Mart
- แวะซื้อขนมที่ Isetan
- กินข้าวแกงกะหรี่ ที่ CoCo Ichibanya (รสชาติอร่อยเหมือนที่ไทยเลย)
- กลับที่พักที่ Shinjuku Washington Hotel
วันที่ 5
ภารกิจตามหาเจ้าเหมียว (^=•o•=^)

- ไปเที่ยว Yanaka Ginza ลงสถานี Nippori แล้วเดินต่อไปที่ Yanaka Ginza
- กลับมาขึ้นรถไฟที่สถานีเดิม แล้วไปลงที่สถานี Harajuku
- กินแพนเค้ก ที่ ร้าน Eggs ‘n Things ร้านนี้แพนเค้กคือดีมากกก ใครที่มีโอกาสได้ไปแถว Omotesando แนะนำให้ไปทานนะคะ แต่อาจจะต้องรอคิวนิดนึง
- แวะเข้าร้าน Bottega Veneta, Jo Malone, MAC, Imabari Towel Shop (ผ้าเช็ดตัวร้านนี้ Recommended เลยว่า ควร ซื้อ เด้อ!), Kiddy Land ร้านนี้ต้องมาซ้ำอีกที เพราะของในร้านมีความน่ารักมุ้งมิ้งระดับ 10 เลยทีเดียว >///<
- จิบชาร้อน ๆ ที่ Aoyama Flower Market TEA HOUSE (เดินช็อปมาเหนื่อย ๆ แวะมาจิบชาร้านนี้คือหายเหนื่อยเลย แต่รอคิวนานหน่อยนะคะ แต่รับรองว่าฟินกันถ้วนหน้าแน่นอน ร้านนี้เป็นร้านที่พี่นนท์แนะนำว่าให้มาเลยแหละ)
- ดื่มกาแฟ ที่ร้าน Blue Bottle Coffee (ร้านนี้แนะนำว่า ต้อง ไป นะคะทุกคน คือมันดีมากกก ถ้ากลับไปญี่ปุ่นจะไปร้านนี้อีก Cold Brew คือดีต่อใจมาก ๆ > <)
- กลับไปที่ ชินจุกุ
- แวะซื้อของฝากที่ Don Quijote
- เดินทางพร้อมสัมภาระย้ายที่พักไปที่นาริตะ โดยพักที่ Hedistar Hotel Narita
- เข้าที่พักที่ Hedistar Hotel Narita เตรียมแพคของกลับเมืองไทย
- ไป กินราเม็งที่ร้าน Rai Rai Tei (来来亭 成田店) ตรงข้ามโรงแรม เป็นการกินราเม็งมื้อแรกและมื้อเดียวของการมาญี่ปุ่น รสชาติอร่อย แถมราคาถูก และได้ราเม็งมาในปริมาณที่เยอะมากกก กินไม่ได้น่อออ แอบเสียดายอยู่นะนั่น T T
- เดินไป ช็อป ต่อที่ AEON
วันที่ 6
- ไปสนามบินนาริตะ เตรียมบินกลับเมืองไทย เวลา 09.15 น.
โปรแกรมแน่นแบบจัดเต็มเลยใช่ไหมคะ ด้วยความที่ตอนนั้นเป็นการไปญี่ปุ่นเป็นครั้งแรกก้อยก็เลยอยากกิน เที่ยว ช็อปในทุกที่ที่เราอยากไปให้มากที่สุด และด้วยความที่มีสถานที่ที่ต้องไปเยอะมากกก ทำให้แพลนที่วางไว้อาจจะมีบางที่ที่ตกหล่นไปบ้าง แต่ด้วยความช่วยเหลือและความรู้เรื่องต่าง ๆ ในประเทศญี่ปุ่นจากพี่นนท์เลยทำให้การไปเที่ยวของก้อยสนุกและเที่ยวได้คุ้มมากขึ้น คุ้มในที่นี้หมายถึงแม้ก้อยจะมีเวลาให้กับแต่ละสถานที่ค่อนข้างน้อย แต่ก้อยก็ได้กิน เที่ยว ช็อปแบบจุใจ ซึ่งก็สามารถทำได้ง่าย ๆ เพียงไม่กี่ขั้นตอน รายละเอียดอาจจะยาวสักหน่อย แต่รับรองว่าคุ้มค่ากับการเสียเวลานั่งอ่านแน่นอนค่ะ
รอช้าอยู่ใย มาเริ่มกันเลยดีกว่าาา!!!
ขั้นที่หนึ่ง : ลิสต์สถานที่ที่ต้องการไป
ถือเป็นสิ่งแรกเลยที่ต้องทำ และเป็นขั้นตอนที่สำคัญ เพราะถ้าเราทำการลิสต์สถานที่ที่ต้องการไปไว้แล้ว จะทำให้เราสามารถมองเห็นเส้นทางการเที่ยวของเราได้แบบชัดเจน เราจะรู้ได้ว่าต้องเริ่มเดินทางจากตรงไหนและไปสิ้นสุดที่ตรงไหน สถานที่ไหนที่อยู่นอกเหนือเส้นทางก็จะทำให้เราสามารถจัดวางแพลนเพื่อเดินทางไปยังสถานที่นั้น ๆ ได้ ขั้นตอนนี้อาจจะเสียเวลาในการรวบรวมข้อมูลและระดมความคิดกับเพื่อนร่วมทริปซักหน่อย แต่รับรองว่าถ้าไปถึงที่นู่นจะไม่เสียเวลากิน เที่ยว ช็อปแน่นอน
ขั้นที่สอง : แจกแจงรายละเอียดการเที่ยวให้ครบถ้วน
เมื่อเรารู้แล้วว่ามีที่ไหนที่เราต้องการไปบ้าง ก็มาถึงขั้นตอนการจัดระเบียบข้อมูลเหล่านั้นให้ออกมาเข้าใจง่ายที่สุด

ก้อยใช้วิธีการทำเป็นตารางและใส่รายละเอียดสำคัญ ๆ ลงไป เช่น วันที่ เวลา สถานีต้นทาง – ปลายทางของรถไฟ ชื่อสถานที่ท่องเที่ยวต่าง ๆ หรืออาจจะมีการใส่ภาพของสถานที่ต่าง ๆ ลงไปด้วยได้นะคะ ในกรณีนี้จะสะดวกมากสำหรับสถานที่ที่เราไม่คุ้นเคย จะได้ไม่ต้องเสียเวลาหาข้อมูลระหว่างเที่ยว ซึ่งในแพลนการเที่ยวนั้นก้อยสามารถไปได้เกือบทุกที่ที่ลิสต์มาเลย จนเพื่อนงงว่า “นี่แกเก็บที่ที่แกอยากไปได้เกือบหมดเลยหรอ?!” หรือเพื่อความสะดวกไปอีก เราสามารถปักหมุดสถานที่เก็บไว้ใน Google Map พอถึงเวลาที่เราจะเดินทางไปก็ทำการเปิดแอพขึ้นมา แล้วก็ไปตามเส้นทางในแผนที่ได้เลย

วิธีนี้สามารถนำไปใช้กับการลิสต์รายการที่จะช็อปปิ้งในร้านขายยา เช่น Matsumoto Kiyoshi, Don Quijote ได้เช่นกัน เพราะเราจะได้ไม่ต้องไปยืนงงในดงร้านขายยา ทำให้เวลาที่เราไปช็อปไม่ต้องเสียเวลามานั่งคิด ไปถึงก็หยิบ ๆ ของลงตะกร้าได้เลย ตอนนั้นที่ก้อยไปมัตสึโมโต้ใช้เวลาไม่ถึงครึ่งชั่วโมงก็ได้ของครบตามลิสต์แล้ว (จำได้ว่าตอนนั้นหมดไป 30,000 เยน T T) ลองดูรีวิว ที่ ซื้ออะไรดีในร้านขายยาที่ญี่ปุ่น
ขั้นที่สาม : ศึกษาเส้นทางสักนิดชีวิตปลอดภัย

การท่องเที่ยวจะสนุกมากยิ่งขึ้นถ้าเราศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับเส้นทางการท่องเที่ยวและวางแผนไว้อย่างรอบคอบ ซึ่งการเดินทางในต่างแดนถือว่าเป็นเรื่องสำคัญ โดยมีให้เลือกทั้งการเดินทางโดยรถไฟ รถโดยสารประจำทาง รถแท๊กซี่ เป็นต้น บางครั้งเราอาจจะต้องเดินทางไปประเทศที่ผู้คนที่นั่นไม่ได้ใช้ภาษาอังกฤษเป็นภาษาหลัก ทำให้การสื่อสารมีความลำบากขึ้นมานิดนึง แต่ถ้าเรามีการศึกษาข้อมูลการเดินทางมาก่อนล่วงหน้าก็จะสามารถทำให้เราแก้ปัญหาหรือรู้ขั้นตอนการเดินทางที่ถูกต้อง เพื่อเป็นการป้องกันการเสียเวลาและเสียอารมณ์ของเพื่อนร่วมทริปของเราอีกด้วย (แต่บางครั้งลองหลงทางดูบ้างก็สนุกดีเหมือนกันนะ ^_^)
ขั้นที่สี่ : มีแพลนเที่ยวแล้วก็จองตั๋วเครื่องบินสิรออะไร
ปัจจุบันมีหลากหลายสายการบินให้เราได้เลือกบินลัดฟ้าไปเที่ยวกัน มีทั้งแบบ Low Cost และแบบ Full Service ซึ่งอันนี้ก็แล้วแต่ความต้องการและความชอบของแต่ละคน ใครสะดวกแบบไหนก็เลือกได้ตามใจเลย
สำหรับใครที่ต้องการความสะดวกในการค้นหาเที่ยวบิน จองตั๋วเครื่องบิน หรือค้นหาโปรโมชั่นตั๋วเครื่องบินราคาประหยัด Traveloka ถือว่าเป็นตัวเลือกที่สามารถตอบโจทย์ความต้องการของเราได้เลย เพราะเราสามารถจองตั๋วเครื่องบินราคาถูกแบบไม่มีค่าธรรมเนียม พร้อมการเปรียบเทียบราคาเที่ยวบินต่าง ๆ และสามารถชำระเงินได้หลากหลายช่องทาง ไม่ว่าจะเป็น 7 Eleven การโอนเงินผ่านธนาคาร การจ่ายผ่านบัตรเครดิต หรืออินเตอร์เน็ตแบงก์กิ้ง โดยไม่ต้องเสียค่าธรรมเนียมใดๆ ซึ่งเพื่อนก้อยมักจะใช้วิธีการนี้บ่อย ๆ นางบอกว่าสะดวกมาก ๆ เหมาะสำหรับคนที่ต้องการอะไรที่ง่ายและไม่ยุ่งยาก แถมเราอาจจะได้ตั๋วเครื่องบินในราคาน่ารักจนคนอื่นอิจฉาเลยก็ได้ สำหรับใครที่สนใจการจองตั๋วง่าย ๆ ราคาสบายกระเป๋าแบบเพื่อนก้อยก็คลิกเลย -> https://www.traveloka.com/th/?defaultTab=flight

ขั้นที่ห้า : จองที่พัก
ที่พักในญี่ปุ่นมีให้เลือกหลากหลายสไตล์มาก บางคนอาจจะเลือกพักตามโฮสเทล โรงแรม เรียวกัง หรืออาจจะเลือกที่พักที่ใกล้สถานีรถไฟ เดินทางสะดวกแต่ราคาสูง หรือพักในที่ที่ไกลออกไปหน่อยแต่ราคาสบายใจ อันนี้ก็แล้วแต่แรงศรัทธาและกำลังทรัพย์ของแต่ละบุคคลเลย
ตอนก้อยไปญี่ปุ่น ก้อยพักโรงแรม 2 ที่ ที่แรกคือ Shinjuku Washington Hotel โรงแรมนี้อยู่ห่างจากสถานีรถไฟชินจุกุประมาณ 1 กิโลเมตร จากโรงแรมสามารถเดินออกมาเที่ยวย่านชินจุกุได้แบบชิลมาก ห้องพักที่นี่ก็ไม่แคบจนเกินไป ห้องพักสะอาด ตอนที่ก้อยพักรู้สึกว่าชั้นนั้นจะมีคนไทยพักอยู่ด้วย ให้อารมณ์เหมือนเที่ยวอยู่ในเมืองไทยเลย ฮ่าๆๆ ส่วนโรงแรมอีกแห่งคือ Hedistar Hotel Narita ห้องพักที่นี่ดูแล้วค่อนข้างเก่าไปนิด บรรยากาศน่ากลัวหน่อย ๆ จากโรงแรมสามารถเดินไปร้านอาหาร หรือเดินไปช็อปปิ้งที่ AEON ได้สบายเลย (อันนี้หมายถึง AEON เล็กนะคะ) ซึ่งการเลือกที่พักในญี่ปุ่นครั้งนี้มีอยู่ 2 เหตุผลหลัก ๆ คือ อย่างแรกเน้นเลือกที่อยู่ใกล้กับแหล่งช็อปปิ้ง เพราะตอนช่วงกลางคืนเราสามารถออกมาเดินเล่นหรือช็อปปิ้งได้ และอีกเหตุผลคืออยู่ใกล้กับสนามบิน เพราะเวลาตอนบินกลับไทยเราจะได้ไม่ต้องรีบร้อนจนเกินไป อย่างเพื่อนก้อยนางกะเวลาผิดแล้วพักอยู่ไกลจากสนามบิน นางเกือบตกเครื่องจ้าาา ณ จุด ๆ นั้นนางต้องรีบบึ่งแท๊กซี่มาสนามบิน ไม่งั้นได้ตกเครื่องบินเตรียมรับความหนาวอยู่ที่ญี่ปุ่นต่ออีกวันแน่นอน
นอกจากการจองตั๋วเครื่องบินแล้ว Traveloka ก็มีบริการจองที่พักเช่นกัน ซึ่งโรงแรมแต่ละแห่งจะมีการแสดงความคิดเห็นจากผู้เข้าพักจริง ซึ่งเป็นสิ่งที่เป็นตัวช่วยในการตัดสินใจเลือกจองที่พักให้กับเราได้เป็นอย่างดี มีตัวเลือกในการค้นหาโรงแรมตามความต้องการของเราแบบหลากหลาย เราสามารถกำหนดเรทราคา สิ่งอำนวยความสะดวก ประเภทของที่พักได้ โดยมีให้เลือกตั้งแต่โรงแรมราคาประหยัดจนถึงโรงแรมที่สูงขึ้นมาหน่อย นอกจากนั้นมีการการันตีจากทาง Traveloka ว่าถ้าเราทำการจองโรงแรมไว้ ไม่ว่าจะเกิดกรณีใด ๆ ก็ตามที่ทำให้เราไม่สามารถเข้าพักได้ เช่น ห้องพักเต็มหรือมีปัญหาเกี่ยวกับการจอง ทาง Traveloka จะแนะนำโรงแรมที่คล้ายกัน หรือจะทำการคืนเงินให้กับเราทันที ขั้นตอนการจองก็ทำได้ง่าย ๆ เหมือนกับการจองตั๋วเครื่องบินเลย ขั้นตอนไม่ยุ่งยาก ทำได้ง่าย ๆ โดยเข้าไปที่หน้าหลัก-> https://www.traveloka.com/th/hotel
สำหรับจอง Shinjuku Washington Hotel คลิก -> Shinjuku Washington Hotel
สำหรับจอง Hedistar Hotel Narita คลิก -> Hedistar Hotel Narita

Traveloka นอกจากการจองตั๋วเครื่องบิน จองที่พัก และโปรโมชั่นต่าง ๆ แล้ว ยังมีการรวบรวมรีวิวสถานที่ท่องเที่ยว รวมถึงที่พักครอบคลุมทั้งในประเทศและต่างประเทศ เรียกได้ว่าเข้าเว็บไซต์เดียวแต่สามารถตอบโจทย์ความต้องการได้แบบครบวงจร และนอกจากการจองผ่านเว็บไซต์แล้ว Traveloka ยังเพิ่มความสะดวกให้อีกโดยที่เราสามารถจองตั๋วเครื่องบินและจองที่พักผ่านทางแอพพลิเคชั่นได้อีกหนึ่งช่องทาง ซึ่งอาจจะได้ราคาที่ถูกกว่าอีกด้วย

ขอบคุณทุก ๆ คนที่ผ่านมาจนถึงบรรทัดนี้ หวังว่าวิธีการวางแผนการท่องเที่ยวของก้อยจะเป็นประโยชน์ให้กับทุก ๆ คนนะคะ วิธีการนี้สามารถนำไปใช้กับการเดินทางไปประเทศอื่น ๆ ได้ด้วย ไม่ใช่เฉพาะประเทศญี่ปุ่นนะคะ
สุดท้ายนี้ขอให้ทุกคนสนุกกับการออกไปท่องเที่ยว เก็บเกี่ยวความสุขกันให้เต็มที่นะคะ
บ๊ายบายจย้าาาาาาา ;D
สุดท้ายขอฝาก
Facebook: nontdesign
IG: nontdesign
Twitter: nontdesign
ขอบคุณค่ะ
ก้อย