Ultraman @ Tokyo Dome

และนี่ก็คือเรื่องท่องเที่ยวเรื่องที่ 2 ผมขอทำสัญลักษณ์ไว้แบบบรรทัดล่างนะครับ

ท่องเที่ยวต่างประเทศ [2]

หลังจากที่คราวที่แล้ว ผมพาไปดู Christmas Lights (คลิกอ่านย้อนหลังได้เลยครับ)
ที่ โตเกียว มิดทาวน์ (Tokyo Midtown)

คราวนี้ผมยังจะคงพาไปดูไฟกันต่อที่ โตเกียว (Tokyo) ครับ
ชื่อสถานที่ก็ยังขึ้นด้วยโตเกียว แต่ไม่ใช่ที่ย่านโตเกียว มิดทาวน์ ครับ
แต่เป็นที่ โตเกียว โดม อ่านแบบญี่ปุ่นว่า Toukyou Do-mu

โตเกียว โดม นะครับ ผมถ่ายมาแบบพาโนรามา เลยต่อไม่ค่อยเนียนตรง Tokyo กับ Dome ก็ต้องเว้นด้วยนะ ต้องขอโทษด้วยนะครับ รูปแบบเดี่ยว ๆ ผมก็ไม่ได้ถ่ายมาครับ

เรามารู้จัก โตเกียว โดม (Tokyo Dome) กันครับ

โดมขนาดใหญ่แห่งนี้เป็นสนามเบสบอลที่สามารถจุคนได้ถึง 55,000 คนเลยนะครับ ก่อตั้งขึ้นเมื่อปี ค.ศ. 1985 นู้น แต่เริ่มใช้จริง ๆ ก็ปี 1988 ครับ แถมยังมีชื่อเล่นที่แสนน่ารักว่า ไข่ใหญ่ เอ่อ ผมว่าอย่าแปลเลยดีกว่าครับ ชื่อ Big Egg แบบที่เรียกกันดีแล้ว
ค่าเช่าที่นี่ตกชั่วโมงละ 50,000 บาท (แบบประมาณครับ ผมไม่ทราบเรื่องระเบียบการเช่า อาจจะมีเวลาที่ต้องเช่าขั้นต่ำ อะไรแบบนั้น) ผมว่าโอเคเลยนะครับกับโดมใหญ่ขนาดนี้

โตเกียว โดม แห่งนี้ตั้งอยู่ใน โตเกียว โดม ซิตี้ (Tokyo Dome City) ประกอบไปด้วยสวนสนุกชื่อว่า โตเกียว โดม แอตแทรคชั่นส์ (Tokyo Dome Attractions) เราสามารถมองเห็นชิงช้าสวรรค์ของสวนสนุกได้แต่ไกลเลย ไม่เสียค่าเข้าด้วยครับ อยากเล่นอะไรไปจ่ายตังค่าเล่นเครื่องนั้น ยังมีน้ำพุร้อนขนาดใหญ่ สปา ร้านอาหารมากมาย และจากในแผนที่ยังมีสวนขนาดใหญ่ (ไม่ได้เป็นส่วนของ City นะครับ) ร้านดองกิอยู่แถว ๆ นั้นด้วยนะ ไปเดินเล่นกันก่อนดูไฟได้ครับ

ผมเลือกลงที่ Suidobashi Station ใช้ Chuo-Sobu Line ครับ ขอบคุณแผนที่จาก google map นะครับ
ดีมากเลย ขาดอย่างเดียว คือบอกว่าออกประตูไหน ต้องหาป้ายดูเอาเองครับ บางทีหลงทิศนี่เดินอ้อมเลย 5555
หลังจากเดินออกจากสถานี เราก็เดินข้ามสะพานข้ามนำ้ตามในแผนที่ (จุดสีฟ้า) สะพานนั้นก็จะเดินข้ามเป็นทางเชื่อมตรงไปที่ Tokyo Dome เลยครับ

เรามุ่งหน้าตรงไปเรื่อย ๆ ตามกระแสคนไปก็ได้ หรือเดินไปทางชิงช้าสวรรค์ เดินต่อไปอีกจะเป็นทิว ต้นแปะก๊วย บางทีเราก็จะได้ยินในชื่อ Ginkgo ช่วงที่ไปใบเป็นสีเหลืองพอดีครับ สวยงามมาก ๆ

ประดับไฟแบบเยอะมาก ๆ  ที่เห็นต้นสีเหลือง ๆ ไกล ๆ นั่นคือต้นแปะก๊วยครับ

เข้าเรื่อง…(สักที)

อิตาลี – ญี่ปุ่น

พอดีว่าปี 2016 เนี่ย เป็นปีครบรอบ 150 ปี ความสัมพันธ์ระหว่างญี่ปุ่นกับอิตาลี
Theme ของปีนี้จะเป็น Love Italy จุดให้เราเข้าไปชมไปจึงมีมากมาย ตั้งแต่
บ้านของจูเลียต (Juliet’s House) จากเรื่อง โรเมโอและจูเลียต (Romeo and Juliet) ละครโศกนาฏกรรมที่ประพันธ์โดย วิล เลียม เชกสเปียร์ (William Shakespeare) และ หอเอนเมืองปิซา  (Leaning Tower of Pisa) แถมยังมี ต้นคริสต์มาสสูงปรี๊ดประดับไฟให้ได้ชมกันอีกด้วย

เจอ Ultraman แล้ว

ultraman ตัวใหญ่

อุลตร้าแมนตัวโตที่ยืนอยู่หน้าโดมสามเหลี่ยม จะมีไฟประดับสลับสีไปเรื่อย ๆ แล้วไงต่อล่ะ ถ่ายรูปสิครับ จากนั้นเดินลงบันไดดูเรือประดับไฟ เงยหน้ามองด้านบนเป็นไฟจุดเล็ก ๆ จินตนาการว่าเป็นท้องฟ้า และเมื่อแสงสีฟ้าสะท้อนกับน้ำเบื้องล่าง ทำให้น้ำเป็นสีฟ้า ว้าว ๆ ๆ (เหมือนเดิม คือ ผมคิดไปเองนะครับ :P)

ไฟประดับอย่างสวยงาม ผมพยายามจะเก็บให้ครบครับ เวลาไปถ่ายรูปเข้าไปใกล้หน่อย ให้สุดขอบด้านบนเป็นไฟด้านล่างเป็นน้ำน่าจะสวยครับ

 

ที่เด็ดสุดคงหนีไม่พ้นอุโมงค์ประดับไฟ ซึ่งมีถึง 2 แห่งด้วยกันนะครับ
ที่แรก เดินขึ้นมาจากตรงเรือ กลับหลังหันเดินไปตามทางครับ อุโมงค์ประดับไฟซิ่งรอท่านอยู่ อุโมงค์ไฟหลากสี บนลวดลายเรขาคณิต เปลี่ยนสีไปตามจังหวะเพลง Welcome to TOKYO ของวง J Soul Brothers มันส์ส์ส์ส์มาก ๆ นะครับ ย้ำ!!! จับแข้งจับขาของท่านไว้ให้ดี คนที่เดินเข้าไปในอุโมงค์ ส่วนใหญ่ก็จะเดินโยกหัว เขย่าขา ส่วนท่านผู้อ่านอยากจะโชว์ step แดนซ์ก็ไม่ว่ากันนะครับ
เอ่อ บรรยายยาก ลองไปกันดูนะ หรือลองชมคลิปตอนท้ายเรื่องได้ครับ
และก็เพลงมีถึงแค่ 22.40 น. นะครับ ผมกับแฟนมัวแต่ VDO Call หาคนนู้นคนนี่ กว่าจะมาอัดคลิปเอารอบสุดท้ายพอดี เพื่อนแฟนผมก็ได้ดูรอบสุดท้าย เกือบอดดูแล้ว

ปากทางเข้าอุโมงค์ประดับไฟ เราจะได้ยินเพลง welcome to tokyo มาแต่ไกล
อุโมงค์ประดับไฟหลากสี บนลวดลายเรขาคณิต เปลี่ยนสีไปตามจังหวะเพลง
เป็น illuminations ใน tokyo dome ที่เจ๋งมาก ๆ ครับ

 

อีกหนึ่งอุโมงค์ มีกลิ่นอายของอิตาลีผสมผสานเข้าไปอย่างชัดเจน แต่ก็ยังไม่พ้นแนวมุ้งมิ้งของญี่ปุ่น
คือหน้าปากทางเข้าอุโมงค์จะมีจุดให้ยืนทำ และมองที่จอ และทำตามที่จอบอกครับ เมื่อจับมือกันจะมีไฟวิ่ง ๆ ไปตามอุโมงค์รูปเกือกม้าที่ประดับไฟไว้ยาวกว่า 140 เมตร ซึ่งอุโมงค์นี้ถูกเรียกว่า Milky Way เรียกเป็นภาษาไทยว่า ทางช้างเผือก นั่นเองครับ เมื่อเดินเข้าไปในอุโมงค์จนสุดทาง จะมีโดมขนาดใหญ่ ให้ดูกันต่อแบบไม่หยุดพัก

ในรูปนี้ Milky way ครับ ด้านซ้ายคือจอ ลองทำตามดูนะครับ

สรุปแล้วดูไฟที่นี่คุ้มจริง ๆ ครับ
งานนี้จัดตั้งแต่ 4 โมงเย็นจนถึง ตี 1 ครับ
ถึงวันที่ 19 กุมภาพันธ์ 2560 เลยนะ
ช่วง วันวาเลนไทน์ (Valentine Day) คนต้องเยอะมาก ๆ แน่เลยครับ ซึ่งปกติก็เยอะอยู่แล้ว
ทานมื้อค่ำให้เสร็จก่อน แล้วเริ่มดูตั้งแต่ 6 โมงเย็นเป็นต้นไปได้ ต้องอยู่ที่นี่นานหน่อย
และสามารถไปช็อปปิ้งต่อที่ ดองกิโฮเต้  (Don Quijote) ได้สบายบรือ เขาเปิด 24 ชั่วโมง
ของก็มีถูก บางอย่างก็แพง แต่มีให้เลือกเยอะ แทบจะบอกได้ว่ามีเกือบทุกอย่างครับ
ที่สำคัญ อย่าลืมทานมันเผาในดองกินะครับ อร่อยเลยแหละ

ไปดูคลิปกันเลยครับ

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *