กินอะไรดี ซื้อกินดีกว่า [26]
WHISPERING Cafe’ คาเฟ่น่ารัก ที่พักกายใจแห่งใหม่ ซึ่งเป็นเรือนสีขาวหลังกำลังพอดีที่วางตัวอยู่ด้านหน้าสวน WHISPERING Land ใกล้กับ ร้าน Little Tree
ชื่อร้าน Little Tree ทุกท่านน่าจะคุ้นเคยดี เราเคยพาไปเที่ยวครับ กด Little Tree กลับไปอ่านได้เลยจ้า
แล้ว WHISPERING Land คือ
แต่ก่อนเป็นแปลงปลูกดอกไม้สำหรับทำอาหารและนำมาจัดตกแต่งร้าน และยังเป็นสถานที่จัดค่าย จังหวะชีวิต ที่ให้เด็ก ๆ มาทำกิจกรรมท่ามกลางธรรมชาติ และขยายพื้นที่ไปเรื่อย ๆ (ปัจจุบันน่าจะ 9 ไร่นะครับ) ปลูกต้นไม้ไปเรื่อย ๆ ค่อยเป็นค่อยไป จนกลายเป็น WHISPERING Land
และพื้นที่แห่งนี้ยังเป็นที่จัดงาน ตลาดนัดในสวน (Little Tree Market) งานตลาดนัดประจำปี ที่ปัจจุบันจัดขึ้นเป็นปีที่ 12 แล้ว เมื่อวันที่ 23 – 24 พ.ย. 2562 ที่ผ่านมา และวันที่ 23 นี่แหละครับ เป็นวันเปิดตัว WHISPERING Cafe’ ที่นนท์จะพาไปเที่ยวกัน
บอกก่อนเลยว่า รีวิวนี้จะเน้นไปที่ WHISPERING Cafe’ คือเน้นตัวคาเฟ่เป็นหลักครับ ที่ตั้งอยู่ใน WHISPERING Land ตัวสวนจะไม่มีรูปให้ดูน้า แนะนำว่าซื้อเครื่องดื่ม take away ถือออกไปเดินเล่น ถ่ายรูปสวย ๆ ในสวนได้เลย ได้รูปลง IG ไปอีกหลายวัน 😁

ป้ายสีดำที่ถูกเขียนด้วยตัวอักษรสีขาววางข้าง ๆ ต้นแมกโนเลียที่รอตอนรับลูกค้าทุกท่าน
เมื่อเห็นบ้านสีขาว บอกได้เลย งานพี่วิทย์แห่ง Little Tree แน่นอน เอกลักษณ์โคตร ๆๆ แถมยังมีป้ายสีดำที่ถูกเขียนด้วยตัวอักษรสีขาววางข้าง ๆ ต้นแมกโนเลียที่รอตอนรับลูกค้าทุกท่าน
ไม่รอช้ารีบเดินเข้าไปในร้านทันทีทันใด
ผ่านบรรดา เค้ก โดนัท และขนมต่าง ๆ ที่ถูกวางเรียงรายอย่างสวยงาม แวะดูสักหน่อยทำให้นึกถึงสมัยเด็ก ที่เลือกเค้กต้องเลือกจาหน้าตา โตมาหน่อยค่อยเลือกว่าเป็นเค้กอะไร แล้วหน้าตาทีหลัง


เงยหน้าละสายตาจากเค้กขั้นมาหน่อย จะเห็นพุ่มดอกยิปโซขนาดใหญ่มากกลางตัวบ้าน (ถ้าผมเรียกชื่อดอกไม้ผิดต้องขออภัยอย่างมาก ไม่มีความรู้ด้านนี้เลยครับ) ซึ่งจริง ๆ ควรจะเห็นตั้งแต่เข้ามาแล้ว แต่ตามประสาเด็กอ้วน เลยเห็นเค้กก่อนไง
สวยอีกและ คำที่นึกขึ้นได้ระหว่างที่กวาดสายตาไปทั่ว ๆ ร้าน ผมไปถึงร้านตั้งแต่เช้าเลย อยากได้รูปโล่ง ๆ มาให้ดูกัน ก่อนที่ช่วงสาย ๆ คนจะเริ่มมากัน แต่ผมแนะนำให้ไปช่วงเย็นนะครับ แดดไม่ร้อนเดินสบาย ๆ เลยครับ


สั่งของกินก่อน
ผมไม่พลาดที่จะถามหา เค้กแมคคาเดเมีย ของโปรดจาก Little Tree แต่ที่นี่ไม่มีนะครับ แต่ไม่ใช่เรื่องเสียใจอะไร ยังมี Scone, Fruit Bar, Raspberry Muffin, Mulberry Lemon และอีกหลายอย่าง เลือกได้เลย รับรองว่าอร่อยทุกอย่าง
ผมจึงเลือก Darkbeer Chocolate ที่ได้ไปทีไร ต้องเค้กนี้ทุกที และ Mapeed Cheesecake ซึ่งใช้ส้มมะปี๊ด (หรือส้มจี๊ดที่เราเรียกกันนั่นแหละครับ) ที่ปลูกที่ WHISPERING Land ด้วยนะครับ



มีของกินที่หนักขึ้นมาหน่อยคือ Egg Quiche ซึ่งไอเจ้า คีช นี้ ก็ถือเป็นอาหารว่างของชาวฝรั่งเขาละ ซึ่งเรากินก็แอบจุกอยู่ ลองสั่งกินได้ครับ

วันนั้นที่ผมไปอากาศดีมากครับ เลยเลือกนั่งด้านนอก ซึ่งมองเห็น WHISPERING Land ด้วย รับลมเย็น ๆ กับแดดอ่อน ๆ ช่วงเช้า เป็นการเคลียร์สมอง หลังจากทำงานช่างหนักมาตลอดปี ช่างดีจริง ๆ



ส่วนด้านในนั้นก็สบายไม่แพ้กัน เพราะด้วยหลังคาสูง โปร่งโล่งสบาย แถมยังอบอุ่นเหมือนอยู่บ้าน มีเสียงเครื่องบดกาแฟ คลอไปกับเสียงเพลง ทิ้งตัว ทิ้งกาย ทิ้งใจ กินขนม จิบเครื่องดื่ม ทำให้เวลาผ่านไปอย่างรวดเร็วแบบไม่รู้ตัว
พูดถึงเครื่องดื่ม ผมจัดกาแฟครับ เป็นกาแฟดำเย็น เลือกเมล็ด Columbia ถูกใจผมนัก
ส่วนอีกแก้วเลือก Kombucha เป็นชาหมักผลไม้ สำหรับคุณผู้หญิง อีก 1 แก้วครับ


ได้ขนม ได้เครื่องดื่มแล้ว ก็ตามอัธยาศัยกันเลย ใครใคร่อยากไปสัมผัสเสียงนก เสียงธรรมชาติ เดินไปสูดอากาศใน WHISPERING Land ได้เลย
ส่วนผมขอนั่งเงียบ ๆ ฟังเสียงกระซิบจากธรรมชาติ ณ WHISPERING Cafe’ ให้เต็มอิ่ม ชาร์จตัวเองให้พร้อมรับกับสิ่งที่จะเกิดขึ้นต่อไปในอนาคตครับ




ร้านเปิดแค่ เสาร์ – อาทิตย์ นะครับ
09.00 – 18.00 น. เท่านั้นนะครับ
ขอบคุณครับ
นนท์