ท่องเที่ยวต่างประเทศ [27]
หลังจากตอนแรกผมพาไปลุยเนื้อเจงกิสข่านมาแล้ว
เรามาต่อกันที่ตอน 2 กันครับ ผมจะย้อนโปรแกรมวันแรกให้ดูก่อนนะครับ
ตอนที่ 1 = วันแรก
สนามบินนาริตะ ➡ สนามบินนิวชิโตเสะ (ฮอกไกโด) ➡ Mitsui Outlets ➡ Mercure Sapporo Susukino ➡ เนื้อเจงกิสข่านที่ Fukuroutei ➡ โรงแรม Mercure Sapporo
สามารถกลับไปอ่านแบบละเอียดได้ที่ www.nontdesign.com/hokkaido-1/
ตอนที่ 2 = วันที่ 2 ขับรถไป Otaru
โรงแรม Mercure Sapporo ➡ รับรถเช่า ที่ Nippon rent a car- Sapporo Station Chuo ➡ Otaru Music Box Museum ➡ LeTAO ➡ คลองโอตารุ ➡ Sankaku Market ➡ Yamamoto Sightseeing Orchard ➡ ภูเขาโมอิวะ (MT. Moiwa) ➡ ตรอกราเมน ➡ โรงแรม Mercure Sapporo
จะสังเกตได้ว่าวันที่ 2 โปรแกรมยาวมาก เพราะวันแรกเราเดินทางข้ามน้ำข้ามทะเลมา ต้องพักหน่อย
พอเข้าวันที่ 2 นี่จัดเต็ม แต่ไม่อัดแน่จนเกินไปครับ ไปแบบชิล มีเวลาหายใจหายคอ สบาย ๆ ครับ
อาหารเช้า เราลุยกันที่โรงแรมครับ ท่านที่ไม่ได้จองแบบมีอาหารเช้า แถวนั้นก็มีอาหารให้กินมากมายเลยครับ พวกโซบะ ข้าวหน้าเนื้อ พวกนี้เปิด 24 ชั่วโมงเลย ราคาก็ตกชุดละ 700 – 1,000 Yen หากตื่นสายหน่อยก็ Mcdonald หรือ KFC เตรียมใส่ถุงไปกินในรถก็ได้ครับ
ผมไปรับรถเช่า ผมเช่าที่ Nippon rent a car ครับ ผมจะชินกับ Nippon rent a car และ TOYOTA rent a car ครับ แต่จะใช้ Nippon เยอะหน่อย เพราะรถมีให้เลือกหลายยี่ห้อ ถ้าเป็น Toyota ก็จะมีให้เลือกเฉพาะโตโยต้าครับ เจ้าอื่นก็ดีนะครับ เช่น Times Car Rental, ORIX Rent-A-Car, Honda Rent a Car, Nissan Rent a Car ซึ่งผมว่าก็ดีหมดนะครับ ส่วนการจองจะจองตรงเลยก็ได้ หรือจองผ่านเว็บ https://www2.tocoo.jp/en/ ก็ดีครับ ราคาดี จองก็ง่ายครับ

เรื่องขับรถผมเคยเขียนไว้แบบละเอียด ตามไปอ่านได้ที่ www.nontdesign.com/driving-in-japan-map-code/ ครับ
ท่านผู้อ่านที่ไม่อยากเช่ารถ สามารถขึ้นรถไฟไปได้นะครับ

จากที่เรารับรถประมาณ 9 โมงเช้า มุ่งตรงไป เมืองโอตารุ (Otaru) ไปที่ Otaru Music Box Museum สามารถใส่เบอร์โทร Tel: 134-22-1108 ลงใน GPS ได้เลย ประมาณ 1 ชั่วโมงก็ถึงครับ ถ้าเดินทางโดยรถไฟให้ลงที่ สถานี Minami-Otaru ครับ

ผมจอดรถในที่จอดรถใกล้ ๆ กับพิพิธภัณฑ์เลยครับ เสียเงินค่าที่จอด 300 Yen เดินข้ามถนนไปหน่อยก็จะพบกับคนจำนวนหนึ่ง (มากอยู่) ยืนออกันตรง นาฬิกาไอนํ้า หน้าตึกใหญ่ ๆ แสดงว่ามาถึง Otaru Music Box Museum หรือ พิพิธภัณฑ์กล่องดนตรี แล้วครับ ที่สำคัญเจ้านาฬิกาไอน้ำนี้เป็นของขวัญจากเมือง Vancover ประเทศแคนาดา มอบให้เมืองโอตารุ ซึ่งจะส่งเสียงทุก 15 นาที และพ่นไอนํ้าทุก ๆ ชั่วโมงด้วยครับ

จริง ๆ ถ้าหันหน้าเข้าตึกที่เป็นสีเข้ม จะเห็นไอน้ำที่เป็นสีอ่อนได้ชัดเจนกว่า
ภายในมีกล่องดนตรีให้ดูมากมายเลย สำหรับแฟน Music Box ต้องเหมือนได้ขึ้นสวรรค์ สามารถเลือกซื้อหาหีบเพลงได้แบบเต็มอิ่ม แต่คงต้องใช้เวลาเลือกหน่อยครับ ผมว่ามีมากกว่าหมื่นชิ้น หรือว่าจะ Mix เอง ก็สามารถเลือกเพลง เลือกรูปทรงได้ครับ





สำหรับท่านที่เฉย ๆ ไหน ๆ มาถึงโอตารุแล้ว ก็เข้าไปดูสักหน่อย พอใจแล้ว ระหว่างรอก็เดินมาฝั่งตรงกันข้าม จะเจอกับ ร้านขนม LeTAO (เลอทาโอะ) เข้าไปนั่งพัก นั่งรอ จิบเครื่องดื่ม กินขนม ชมวิวจากชั้น 2 ได้เลย หรือจะแค่แวะซื้อขนม กิน soft cream แสนอร่อยที่ชั้น ก็ไม่ว่ากัน



รองท้องด้วยขนมชีสเค้กแล้ว ก่อนจะถึงเวลาอาหารกลางวัน เราก็แวะชม คลองโอตารุ หน่อย อันนี้ห้ามพลาดเลยนะครับ เพราะที่นี่คือไฮไลท์ของเมืองเลยแหละ เดินกลับมาขึ้นรถ และขับไปจอดตรงที่จอดรถใกล้ ๆ จุดถ่ายรูปเลยดีกว่า เดินไปก็พอไหวนะครับ (ไกลอยู่) คลองโอตารุเป็นทางผ่านพอดี ก็ขับรถไปเลยดีกว่า

เมื่อไปถึงคลอง ช่วงที่ผมไปเป็นหน้าร้อน ร้อนฉิ???? เลย ถึงแม้ว่าวิวจะสวยไม่แพ้ยุโรป แต่ควรมาหน้าหนาวมากกว่า (แต่จริง ๆ หน้าหนาวก็หนาวไปอีก 🙄) ก็เลยเดินเลียบคลองนิดหน่อยพอเป็นพิธี จริง ๆ ข้ามสะพานข้ามคลองที่คนชอบถ่ายรูปไป จะเป็นโกดังเก่าที่ปัจจุบันเป็น ร้านค้าและร้านอาหาร มีร้านขนมเจ๋ง ๆ มากมาย หากมาช่วงใกล้มืด ก็จะเปิดไฟได้อีกบรรยากาศครับ

เราไปต่อกันที่มื้อกลางวัน พวกแม่ ๆ เริ่มหิวแล้ว เราไปถึง Otaru แล้ว ห้ามพลาด ข้าวหน้าอาหารทะเลดิบ สุดยอดจริง ๆ ผมไม่รู้จะเรียก Kaisen – Don แบบแปลเป็นภาษาไทยว่าอะไรดี ถ้าอธิบายขยายความก็คือ Sashimi Rice Bowl ผมจึงขอเรียกว่า ข้าวหน้าอาหารทะเลดิบ นะครับ
คณะทัวร์ของ Nontdesign ขับรถออกจากที่จอดรถใกล้คลองโอตารุ ไปที่ ตลาดซันกากุ (Sankaku Market) (ผมพยายามวงเล็บภาษาอังกฤษให้นะครับ เผื่อจะหาข้อมูลเพิ่มเติมกัน) ใส่เบอร์ 134-23-2446 ที่ GPS

เราเดินไปที่ร้าน ถามว่าไปยังไง ตอบเลยว่าเดินหารูป 👇 แบบข้างล่างนี้ จะแปะอยู่ที่ผนังร้านครับ

ผมก็เดินวน ๆ มั่ว ๆ ในตลาด เจอร้านนี้น่ากินลุย เลยบอกไม่ถูกจริง และชื่อร้านคือ Kitanodomburiyatakinamishokudou อันนี้ผมไม่วงเล็บให้นะ เอาชื่อนี้ไปเลย 😳
ผมลองแบ่ง ๆ ดู น่าจะประมาณว่า คิทาโนะ ดมบุริยะ ทากิ….เออออ ผมว่าข้าม ๆ ไปนะครับ

ทีมกินดะของผม เริ่มจากสั่ง Kaisen – Don จานหลัก ของใครของมันกันก่อน ก็ได้ ข้าวหน้าปู…ข้าวหน้าไข่หอยเม่นเหลืองล้วน…ข้าวหน้าไข่แซลมอน + ไข่หอยเม่นส้ม…ข้าวหน้าไข่แซลมอน + เนื้อแซลมอน + ไข่หอยเม่นส้ม และอีกหลายอย่างเลยครับ แล้วจึงมาสั่ง จานกลาง แบบตั้งตรงกลาง คือ กุ้ง…โอโทโร่…หอย (จำชื่อไม่ได้) ดูในรูปดีกว่า ☺


ผมแนะนำให้กินไข่หอยเม่นสีเหลืองครับ ทางร้านบอกว่ามีแค่ช่วงเดือน 7 เท่านั้น จากที่ลองกินดู ผมว่าอร่อยกว่าที่ส้มนะครับ รสชาติเข้มข้นกว่า เนื้อแน่น เป็นชิ้นเป็นอัน เละน้อยกว่าสีส้มครับ





อิ่มแล้วชาวคณะไปต่อกันที่ Yamamoto Sightseeing Orchard ไปเก็บ เชอร์รี่ กินแบบบุฟเฟ่ต์ กินให้อิ่ม กินให้พอ ในราคา 1,100 Yen สามารถ ปริ้นส่วนลด 10% ได้ที่ www.fruits-yamamoto.net/thai.html ครับ
ถือเป็นการเดินเล่นเก็บผลไม้ช่วงบ่ายแก่ ๆ ย่อยมื้อเที่ยง พร้อมล้างปากด้วยเชอร์รี่แสนอร่อย
ที่สวนยามาโมโตนี้ ไม่ได้มีแค่เชอร์รี่นะครับ มีสตรอว์เบอร์รี่…องุ่น…แอปเปิ้ล…สาลี่…พรุน..ฯลฯ ช่วงที่ผมไปเป็นเชอร์รี่พอดี ให้เข้าไปเช็คช่วงที่ท่านจะไปใน เว็บ ที่ผมให้ไว้ก่อนนะครับ ซึ่งสวนนี้จะเปิดทำการให้เราได้เข้าไปเก็บผลไม้กินได้แบบสด ๆ แค่ในช่วงเดือนมิถุนายนถึงพฤศจิกายนเท่านั้น

ก่อนเข้าไปในสวน พนักงานจะแจกตะกร้าให้ พร้อมกับคำแนะนำการเก็บผลไม้ ให้ปฏิบัติตามนะครับ ส่วนใครกินแล้วอยากได้กลับไปกินอีก ทางสวนก็มีขายอยู่ด้านหน้าครับ




เมื่อพวกเรากินผลไม้จะหนำท้อง หนำใจแล้ว แถมได้ warm up ขาเล็กน้อย เพื่อเตรียมขึ้น ภูเขาโมอิวะ (MT. Moiwa) กล่าวแบบนี้ แม่ ๆ ก็ตกใจ
หา !!!!! จะต้องเดินขึ้นเขาหรอ ???
ไม่ต้องเดินครับ 😙 เขามีกระเช้าให้ขึ้นลงแบบสบาย ๆ
การขึ้นภูเขาโมอิวะนั้น จะมี 2 ช่วงครับ ช่วงแรกคือจากเชิงเขา ถึง Moiwa Yamanaka station ช่วงนี้เราจะได้ขึ้นกระเช้าใหญ่ (Mt. Moiwa Ropeway) และค่อยไปต่อกระเช้าเล็ก เพื่อขึ้นไปที่จุดชมวิวด้านบนครับ
ผมทำการเตรียมตัวขึ้น Ropeway เต็มที่ ใส่เบอร์ 011-561-8177 ใน GPS จากสวนเชอร์รี่ ขับไปขับมา จอดรถเรียบร้อย ไปซื้อตั๋วขึ้นกระเช้า อ่าวเวรกรรม ขับผิดสถานี ผมขับมายังไงไม่รู้ สงสัยใส่ปลายทางผิด มาโผล่เอา สถานี Moiwa Yamanaka station เลยได้ขึ้นแค่กระเช้าเล็ก สอบถามชาวคณะว่า ลงไปมั้ย ไปขึ้นกระเช้าใหญ่ เพราะมีเวลาเหลือเยอะเลย แต่ทุกคนว่าโอเค อันเล็กก็โอเคนะ เราจึงเดินทางไปต่อ โอ้ยยยยย ความผิดฉันเอง 😅

ด้านบนยอดเขา เราจะได้เห็นวิวเมืองแบบทั่ว ๆ 360 องศา แบบไกล ๆ วิวกว้างมากเลยครับ สามารถเดินได้รอบ ๆ มีจุดให้นั่งรับลมเย็น ๆ มีจุดรับถ่ายรูป แบบ set จัดเต็ม มุมสวย ๆ เห็นวิวไกล จ่ายตัง เราก็จะได้รูปครอบครัวแบบครบ ๆ แสงดีเลยครับ
และยังมีลูกเล่น เล็ก ๆ น้อย ๆ บนนั้นครับ คือจะมีระฆัง ยืนเขย่าเชือกอยู่ 2 – 3 ที ไม่ได้คิดอะไร จากนั้นผมก็ไปยืนถ่ายรูป เห็นคนญี่ปุ่นเจ้าถิ่น ไปยืนลั่นระฆังกันเป็นคู่ ๆ ผมจึงเดินเข้าไปสอบถามได้ความว่า ระฆังนี้เป็นระฆังแห่งโชคของคู่รักครับ คู่รักคู่ไหนที่ได้ขึ้นมาสั่นระฆังที่นี่ โดยที่ผู้ชายต้องจับเชือกยาว ผู้หญิงจับเชือกสั้น ลั่นระฆังพร้อมกัน ความรักก็จะสดใส ยืนยาวครับ


ตอนแรกผมกะว่าจะรอมืดสักนิด ให้ในเมืองเปิดไฟ แต่หน้าร้อนครับ มืดช้ามาก 18.45 น. แล้วยังสว่างอยู่ เลยขับรถมุ่งตรงกลับซัปโปโรดีกว่า มื้อค่ำเราอยู่ที่ตรอกราเมน ใกล้ ๆ โรงแรม ต้องขับรถอีก 1 ชั่วโมง เดี๋ยวจะหิวกันครับ
ถึงแล้วครับ Ganso Sapporo Ramen Yokocho หรือตรอกราเมน ผมจอดรถที่โรงแรมแล้วเดินมากัน

ภายในเป็นทางเดินเล็ก ๆ น่าจะยาวประมาณ 50 เมตรได้ครับ มีร้านราเมนทั้งหมด 17 ร้าน ราเมนที่ควรกิน คือราเมนที่ใส่ข้าวโพดครับ หากไม่กินข้าวโพดจัดมิโซะราเมนเลยครับ รับรอง อร่อยถูกใจ



จบตอนที่ 2
ฝากติดตามต่อต่อไปด้วยนะครับ
สุดท้ายขอฝาก
Facebook: nontdesign
IG: nontdesign
Twitter: nontdesign
ขอบคุณครับ
นนท์